xs
xsm
sm
md
lg

ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง หวังปี 59 ผลงานโต 150%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง หวังปี 59 ผลงานโต 150% จากทยอยรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่สามารถจ่ายไฟฟ้าได้แล้ว 2 โครงการ และมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 4 โครงการ กำลังการผลิตรวม 40 เมกะวัตต์ เล็งลงทุนในลาว คาดชัดเจนปี 59

นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการเข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลเพิ่มเติม โดยเจรจา 2-3 ราย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนอย่างน้อย 1 ราย ในปี 59 นอกจากนี้ หลังจากที่ได้เซ็นสัญญา MOU กับพันธมิตรท้องถิ่นในประเทศกัมพูชาแล้ว บริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาเพื่อเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล กำลังการผลิตราว 90 เมกะวัตต์ โดยจะแบ่งเป็น 3 เฟส เฟสละ 30 เมกะวัตต์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงปลายปี 59 และเริ่มก่อสร้างในปี 60

โดย TPCH ตั้งเป้าปี 59 รายได้เติบโต 150% จากปี 58 จากทยอยรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่สามารถจ่ายไฟฟ้าได้แล้ว 2 โครงการ คือ โรงไฟฟ้าชีวมวลช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ (CRB) และโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ (MWE) และยังมีโรงไฟฟ้าชีวมวลที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง และคาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบภายใต้ Feed in Tariff (FiT) ภายในไตรมาส 1/59 คือ โรงไฟฟ้าชีวมวลมหาชัย กรีน เพาเวอร์ (MGP) จึงทำให้มั่นใจได้ว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในปีหน้าจะรับรู้รายได้ทั้ง 3 โรงไฟฟ้า รวมจำหน่ายกระแสไฟฟ้าได้ทั้งสิ้น 30 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการเติบโตอย่างก้าวกระโดด

อย่างไรก็ดี TPCH ยังมีแผนขยายการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลออกไปในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะเริ่มที่ประเทศกัมพูชา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เพราะพื้นที่ดังกล่าวมีศักยภาพเหมาะต่อการลงทุน คาดต้นปี 59 จะมีความชัดเจน

ขณะที่กรณีที่ บมจ.ไทยโพลีคอนส์ (TPOLY) ขายหุ้น TPCH ออกมา 9.35% ผู้ถือหุ้น และนักลงทุนไม่ต้องกังวล เพราะขายให้แก่นักลงทุนสถาบัน ประกอบกับบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีอนาคตที่ดี จึงมั่นใจว่านักลงทุนสถาบันจะถือลงทุนในระยะยาว

ปัจจุบัน โครงการของ TPCH อยู่ระหว่างการขออนุญาตดำเนินการก่อสร้าง และผลิตโรงไฟฟ้าชีวมวล ทั้งหมด 106 เมกะวัตต์ ได้รับใบอนุญาตแล้ว 83 เมกะวัตต์ มีโรงไฟฟ้าชีวมวลที่รับซื้อไฟฟ้าในระบบ Adder จำนวน 33 เมกะวัตต์ คือ โรงไฟฟ้าชีวมวลช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ (CRB) และโรงไฟฟ้าชีวมวลปัตตานี กรีน เฟส1 (PTG) และภายใต้การรับซื้อไฟฟ้าในระบบ Feed in Tariff (FiT) 50 เมกะวัตต์ คือ โรงไฟฟ้าชีวมวลแม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ (MWE), โรงไฟฟ้าชีวมวลมหาชัย กรีน เพาเวอร์ (MGP), โรงไฟฟ้าชีวมวลทุ่งสัง กรีน (TSG), โรงไฟฟ้าชีวมวลพัทลุง กรีน เพาเวอร์ (PGP) และโรงไฟฟ้าชีวมวลสตูล กรีน เพาเวอร์ (SGP)

“ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 4 โครงการ กำลังการผลิตรวม 40 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชีวมวลมหาชัย กรีน เพาเวอร์ (MGP) ที่คาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าได้ในไตรมาสแรกของปี 59, โรงไฟฟ้าชีวมวลทุ่งสัง กรีน (TSG), โรงไฟฟ้าชีวมวลพัทลุง กรีน เพาเวอร์ (PGP) และ โรงไฟฟ้าชีวมวลสตูล กรีน เพาเวอร์ (SGP) นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการขอใบอนุญาตอีก 1 โครงการ คือ โรงไฟฟ้าชีวมวล ปัตตานี กรีน (PTG) มีกำลังการผลิต 46 เมกะวัตต์ โดยการก่อสร้างดังกล่าวเป็นไปตามแผนที่บริษัทวางไว้คือ 200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2563 หรือ 5 ปีข้างหน้า” นายเชิดศักดิ์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น