xs
xsm
sm
md
lg

ทีพีซี เพาเวอร์ฯ งวดนี้กำไรเพิ่ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง ปลื้มผลงานไตรมาส 3 ปีนี้ กำไรสุทธิ 8.96 ล้านบาท ส่วน 9 เดือนกวาดกำไรสุทธิ 24.15 ล้านบาท ผู้บริหารเผยเดินหน้าก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลให้ครบ กำลังการผลิตเสนอขายรวม 106 เมกะวัตต์ตามแผน มั่นใจช่วยหนุนผลประกอบการใน อนาคตสดใส สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น และนักลงทุน

นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2558 บริษัทมีกำไรสุทธิ 8.96 ล้านบาท ส่วนช่วง 9 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ 24.15 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้หลักมาจากการจำหน่ายไฟฟ้าของบริษัท ช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ จำกัด ให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ. และเงินอุดหนุนส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder))

นอกจากนี้ยังมีอีก 4 โครงการรวมกำลังการผลิต 40 เมกะวัตต์ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชีวมวลมหาชัย กรีน เพาเวอร์ (MGP), โรงไฟฟ้าชีวมวลทุ่งสัง กรีน (TSG), โรงไฟฟ้าชีวมวลพัทลุง กรีน เพาเวอร์ (PGP) และโรงไฟฟ้าชีวมวลสตูล กรีน เพาเวอร์ (SGP) และมีโครงการที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการขอใบอนุญาตมีกำลังการผลิต 46 เมกะวัตต์ คือ โรงไฟฟ้าชีวมวล ปัตตานี กรีน (PTG)

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแผนในการก่อสร้างและผลิตโรงไฟฟ้าชีวมวล ทั้งหมด 106 เมกะวัตต์ หลังได้รับใบอนุญาตแล้วในขณะนี้ จำนวนกำลังการผลิต 83 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น ระบบ Adder 33 เมกะวัตต์ คือ CRB และ PTG (เฟส1) และระบบ Feed in Tariff (FiT) 50 เมกะวัตต์ คือ MWE, MGP, TSG, PGP และ SGP มีโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่สามารถจำหน่ายกระแสไฟฟ้าได้รวม 20 เมกะวัตต์ แล้ว 2 โครงการ คือ โรงไฟฟ้าช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ (CRB) และโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ (MWE)

นายเชิดศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า โครงการโรงไฟฟ้าที่จำหน่ายกระแสไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ (COD) คือ โรงไฟฟ้า ชีวมวลแม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ (MWE) ที่จำหน่ายกระแสไฟฟ้าในวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา กำลังการผลิตเสนอขายที่ 8 เมกะวัตต์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนราคารับซื้อค่าไฟฟ้าพลังงาน หมุนเวียนแบบ Feed in Tariff (FiT) ที่มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้งมากกว่า 3 เมกะวัตต์ รวมเป็นราคารับซื้อ 4.54 บาทต่อหน่วยขาย ส่งผลให้ผลประกอบการไตรมาส 4 รับรู้รายได้อย่างก้าวกระโดดอย่างแน่นอน
 
ประกอบกับมีโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และคาดว่าจะแล้วเสร็จอีก 1 โครงการ ได้แก่ MGP คาดว่าจะ COD ได้ภายในปี 2558 นี้ ซึ่งจะทําให้บริษัทจะมีรายได้จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในอนาคต ในระบบแบบ Feed in Tariff (FiT) อีกทั้งบริษัทยังมีลุ้นที่จะชนะการประมูลในการเปิดประมูลการการรับซื้อไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าประเภทชีวมวลขนาดเล็กมาก (VSPP) รูปแบบ Feed in Tariff (FiT Bidding) ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอพิเศษ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่จะจัดขึ้นในเดือนมกราคม 2559 นี้ ซึ่งบริษัทฯ มีความมั่นใจที่จะสามารถเอาชนะการประมูล และเดินหน้าก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลให้ได้ 200 เมกะวัตต์ภายในปี 2563 ได้อย่างแน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น