ดับบลิวเอชเอฯ ผนึกกลุ่มเซ็นทรัลพัฒาคลังสินค้า

ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ผนึกกลุ่มเซ็นทรัล ร่วมลงทุนทางธุรกิจจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในสัดส่วนฝ่ายละ 50% มุ่งธุรกิจพัฒนาคลังสินค้าด้วยงบลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท บนพื้นที่อำเภอวังน้อย พื้นที่ 320 ไร่ หรือคิดเป็นพื้นที่เช่ารวมกว่า 250,000 ตารางเมตร ผู้บริหารระบุผนึกกำลังในครั้งนี้เป็นการตอกย้ำศักยภาพการพัฒนา และเสริมสร้างความแข็งแกร่งในกลุ่มอุตสาหกรรมคลังสินค้า และลอจิสติกส์อย่างมีนัยสำคัญ

นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการบริษัท และประธานกรรมการบริหารบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ผู้พัฒนา และให้เช่าโครงการคลังสินค้าศูนย์กระจายสินค้า และโรงงานที่มีลักษณะเฉพาะตามความต้องการของลูกค้า (Built-to-Suit) และแบบสำเร็จรูป (General Warehouse) เปิดเผยว่า บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ได้ร่วมมือทางธุรกิจกับกลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง สินค้าตกแต่งบ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้า (กลุ่มธุรกิจ Hardline) ภายใต้การดำเนินงานของกลุ่มเซ็นทรัล โดยการร่วมมือระหว่างทั้ง 2 บริษัท จะมีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ “บริษัท ดับบลิวเอชเอ เซ็นทรัล อะไลแอนซ์ จำกัด” เพื่อดำเนินธุรกิจพัฒนาคลังสินค้าบนพื้นที่ในอำเภอวังน้อย จังหวัดอยุธยา ภายใต้พื้นที่ประมาณ 320 ไร่ โดยมีงบลงทุนเบื้องต้นประมาณ 4,000 ล้านบาท โดย บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จะถือหุ้นในสัดส่วน 50% และบริษัท ซีอาร์ซี เพาเวอร์ รีเทล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล จะถือหุ้นในสัดส่วน 50%

สำหรับการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนดังกล่าวเพื่อนำมาพัฒนาที่ดินให้เป็นคลังสินค้าศูนย์กระจายสินค้าระดับพรีเมียม ที่สามารถตอบโจทย์ได้ตรงตามความต้องการของลูกค้าในลักษณะ Total Solutions ตามมาตรฐานสากล ส่วนรูปแบบการดำเนินงานนั้นจะไม่แตกต่างจากการดำเนินธุรกิจปกติ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของ บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ในการพัฒนาโครงการ

ขณะที่กลุ่มเซ็นทรัลมีความตั้งใจที่จะเข้ามาเป็นผู้ร่วมทุน และผู้เช่าระยะยาว โดยมองถึงศักยภาพของโครงการ และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่พื้นที่ดินอีกด้วย ซึ่งการร่วมมือดังกล่าวจะส่งผลดีทางธุรกิจกับทั้ง 2 ฝ่าย

ขณะที่ น.ส.จรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานกรรมการบริหาร บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทร่วมทุนดังกล่าวจะทำสัญญาซื้อที่ดินของกลุ่มเซ็นทรัล บนทำเลวังน้อย พื้นที่รวมทั้งสิ้น 320 ไร่ ซึ่งคิดเป็นพื้นที่ที่สามารถพัฒนาเป็นคลังสินค้าสำหรับรองรับความต้องการกว่า 250,000 ตารางเมตร ทั้งนี้ กลุ่มเซ็นทรัล ในฐานะผู้เช่าศูนย์กระจายสินค้าระยะยาวของบริษัทร่วมทุน จะเช่าพื้นที่คลังสินค้าของบริษัทร่วมทุนรวมทั้งสิ้น 2 เฟส บนพื้นที่รวมประมาณ 100 ไร่ หรือคิดเป็นพื้นที่เช่าประมาณ 84,000 ตารางเมตร

โดยเฟสแรกอยู่บนพื้นที่ 56,000 ตารางเมตร กลุ่มเซ็นทรัลจะใช้เป็นคลังสินค้าของบริษัทในเครือ เพื่อบริหารจัดการด้านคลังสินค้า และลอจิสติกส์สำหรับธุรกิจ Hardline เช่น ไทวัสดุ, homeWorks, baan&BEYOND และ Power Buy ซึ่งจะเป็นลักษณะ Sale and Leaseback ซึ่งจะก่อให้เกิดรายได้ค่าเช่าของบริษัทร่วมทุนทันที ส่วนในเฟส 2 มีแผนที่จะก่อสร้างเพื่อขยายธุรกิจ คิดเป็นพื้นที่เช่าประมาณ 28,000 ตารางเมตร ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2559 โดยกลุ่มเซ็นทรัลจะทำสัญญาให้บริษัทร่วมทุนเป็นผู้พัฒนาคลังสินค้า เพื่อรองรับการบริหารจัดการสินค้าประเภทธุรกิจ Hardline ดังกล่าวให้แก่บริษัทในเครือ

“การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่าง บมจ.ดับบลิวเอชเอฯ กับกลุ่มเซ็นทรัลในครั้งนี้ ถือเป็นการเพิ่มมูลค่า และเพิ่มศักยภาพให้แก่ธุรกิจคลังสินค้าของ บมจ.ดับบลิวเอชเอฯ อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่ากลุ่มเซ็นทรัลมีธุรกิจที่ครอบคลุมการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้บริโภคค่อนข้างมาก จำเป็นต้องมีการบริหารจัดการคลังสินค้า และลอจิสติกส์ที่ช่วยเสริมศักยภาพ ดังนั้น การที่กลุ่มเซ็นทรัลเลือกที่จะเข้ามาผนึกความร่วมมือกับบริษัท ดับบลิวเอชเอฯ ครั้งนี้ น่าจะสร้างการพัฒนา และเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการต่อยอดศักยภาพในกลุ่มอุตสาหกรรมคลังสินค้า และลอจิสติกส์ในประเทศไทยได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยปัจจุบัน บมจ.ดับบลิวเอชเอฯ ได้รับความไว้วางใจจากลุ่มเซ็นทรัลในการเช่าพื้นที่ทั้งคลังสินค้า และศูนย์กระจายสินค้าทั่วไปกว่า 23,000 ตารางเมตร บนทำเลถนนบางนา-ตราด และ บมจ.ดับบลิวเอชเอฯ ยังเพิ่งส่งมอบพื้นที่เช่ารวมทั้งพื้นที่ส่วนต่อขยายบนทำเลถนนพระราม 2 จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นคลังสินค้าแบบห้องเย็น สำหรับการเก็บอาหารกว่า 20,000 ตารางเมตร” น.ส.จรีพร กล่าว

นายปริญญ์ จิราธิวัฒน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด เปิดเผยว่า การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่มเซ็นทรัลกับ บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น เนื่องจากเชื่อมั่นในความเป็นผู้นำด้าน Built to Suit คลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า และโรงงานระดับพรีเมียมของ บมจ.ดับบลิวเอชเอฯ ที่เน้นให้ความสำคัญในเรื่องของยุทธศาสตร์ ทำเล ที่ตั้งของลูกค้า เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการระบบลอจิสติกส์ตรงตามความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด รวมทั้งศักยภาพทางการตลาดในการหาผู้เช่า ด้วยความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อลูกค้าหลากหลายประเภท เช่น ผู้ให้บริการลอจิสติกส์ (3PL) สินค้าอุปโภคบริโภค และชิ้นส่วนรถยนต์ เป็นต้น

“เบื้องต้น กลุ่มเซ็นทรัลได้เป็นผู้เช่าคลังสินค้าระยะยาวรวมพื้นที่ 100 ไร่ แบ่งออกเป็น 2 เฟส ส่วนพื้นที่อีกกว่า 200 ไร่นั้น เชื่อว่าจะมีผู้มาเช่าพื้นที่คลังสินค้าจนเต็มพื้นที่บริการ เนื่องจากมี บมจ.ดับบลิวเอชเอฯ เป็นผู้พัฒนาพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งสามารถเชื่อถือ และไว้ใจในประสบการณ์การทำงานที่ยาวนาน และความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาคลังสินค้า และโรงงานตามลักษณะความต้องการของลูกค้า ท้ายที่สุด บริษัทร่วมทุนเรายังมองถึงโอกาสที่จะนำพื้นที่เช่าทั้งหมดของวังน้อยนี้โอนเข้ากองทรัสต์ WHART ซึ่งถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทร่วมทุน รวมทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้กองทรัสต์ WHART สามารถสร้างความเติบโตของทรัพย์สินได้อีกด้วย” นายปริญญ์ กล่าว