รองประธานบอร์ดเหมราช ฟุ้งรายได้ปีนี้เติบโตเข้าเป้าแตะ 11,000 ล้านบาท ปีหน้าคาดถึง 20,000 ล้านบาท จากยอดขายที่ดินรวมทั้งปีกว่า 1,400 ไร่ จ่อเข็นสินทรัพย์เข้ากองรีตเพิ่มอีกกว่า 6,000 ล้านบาท กด D/E เหลือ 1.3 เท่า ย้ำควบรวมกิจการไม่ส่งผลกระทบนักลงทุนเข้าถือเพิ่มจาก 5% เป็น 7%
น.ส.จรีพร จารุกรสกุล รองประธานคณะกรรมการ และรองประธานกรรมการบริหาร บมจ.เหมราชบริหารที่ดิน หรือ HEMRAJ กล่าวว่า บริษัทฯ ประเมินเป้ารายได้ของปีงวดบัญชี 2558 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 11,000 ล้านบาท จากยอดเป้ารายได้การขายที่ดิน จำนวน 1,100 ไร่ ขณะที่ในส่วนของเป้ารายได้ในปีหน้าบริษัทประมาณการว่า จะสามารถทำรายได้เติบโตได้ไม่น้อยกว่า 20,000 ล้านบาท จากเป้ายอดขายที่ดินในปี 2559 ที่ประมาณ 1,400 ไร่ และรายได้ที่มาจากการขายไฟฟ้า อีกทั้งการที่บริษัทเตรียมที่จะเอาสินทรัพย์เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ประเภทกองทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trusts หรือ: REITs) ซึ่งจะได้ให้บริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นเข้ามาจากกองรีทอีกอย่างน้อย 6,000 ล้านบาท
“บริษัทฯ คาดว่าเป้ารายได้ในปีนี้จะอยู่ที่ 11,000 ล้านบาท จากขายที่ดินรวมกว่า 11,00 ไร่ ซึ่งเฉลี่ยราคาต่อไร่อยู่ที่ประมาณ 3-5 ล้านบาท และบริษัทฯ ยังมีการเจรจาซื้อขายที่ดินเตรียมโอนอยู่อีกประมาณ 200 ไร่ เฉลี่ยราคาต่อไร่อยู่ที่ประมาณ 3-5 ล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปในการซื้อขาย และโอนได้ภายในปลายปีนี้ ขณะที่ในปีหน้าคาดว่าเป้ารายได้จะเติบโตอยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท จากยอดขายที่ดินรวมทั้งปีที่ 1,400 ไร่ และรายได้ที่จะรับรู้จากการขายไฟฟ้า อีกทั้งบริษัทจะนำสินทรัพย์เข้าจดทะเบียนซื้อขายในกองรีตมูลค่าประมาณ 6,000 ล้านบาท ทำให้หนี้สินต่อทุนของบริษัทลดลง เหลือประมาณ 1.3 เท่า”
ขณะเดียวกัน จากกรณีการเข้าควบรวมกิจการของ บมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน หรือ HEMRAJ และ บมจ.ดับลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ WHA ซึ่งคาดว่าจะสามารถโอนย้ายเสร็จเรียบร้อยภายในไตรมาส 1/2559 บริษัทฯ คาดว่าจะทำให้ความเชื่อมั่นนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ได้มีนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในบริษัทฯ เพิ่มขึ้น จาก 5% เป็น 7% ผ่านทาง NVDR อีกทั้ง บริษัทฯ เตรียมที่จะเดินทางไปโรดโชว์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนที่ประเทศสิงคโปร์ ในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้
อย่างไรก็ตาม จากการที่บริษัทฯ ลงนามในการขายที่ดินให้แก่ SAIC MOTOR - CP จำนวน 437.5 ไร่ มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด 2 จังหวัดชลบุรี ซึ่งจะเป็นการสะท้อนถึงการฟื้นตัวของของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่เป็นหนึ่งในคลัสเตอร์ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ
ทั้งนี้ หลังจากการควบรวมกิจการทั้ง 2 บริษัทเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีการปรับเป้ากลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใหม่ใน 4 ช่องทางหลัก คือธุรกิจด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจด้านการขนส่ง ธุรกิจด้านพลังงาน และธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิตอล โดยสัดส่วนรายได้จะเปลี่ยนไปเป็นรายได้จากที่ดินและรายได้จากการขายกองรีต จะอยู่ที่ 60% รายได้จากการให้เช่าพื้นที่ซึ่งไม่อยู่ในกองรีท 15% รายได้จากธุรกิจพลังงาน 25% ส่วนที่เหลืออีก 5% จะเป็นรายได้ที่มาจากเงินปันผลในการเข้าไปลงทุน ขณะที่แผนการไปลงทุนยังต่างประเทศในปี 2559 นั้น บริษัทฯ วางแผนที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย และประเทศพม่า โดยเฉพาะประเทศพม่า คาดว่าจะเห็นความชัดเจนหลังการประกาศผลเลือกตั้งอย่างน้อย 3 เดือน