ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ปลื้มโครงการ “ไนท์บริดจ์ ดิ โอเชียน ศรีราชา” กระแสตอบรับล้นหลามกวาดยอดพรีเซลกว่า 1,000 ล้านบาท เพียง 1 สัปดาห์หลังจากเปิด Sale Gallery มั่นใจศักยภาพ และการเติบโตของ Demand ไปต่อ ผู้บริหารเผยเตรียมนำโครงการโรดโชว์ ญี่ปุ่น-สิงคโปร์-จีน หวังเพิ่มสัดส่วนลูกค้าต่างชาติ 20% และมีแผนเปิดโครงการย่านแหลมฉบัง-ศรีราชา ลักษณะ Mixed use Township ตอกยํ้าความมั่นใจในการเข้า Blue Ocean อย่างต่อเนื่อง จากความต้องการที่อยู่อาศัยในอนาคตพุ่ง 2-3 เท่าตัว ตามการเติบโตของเศรษฐกิจ
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมตามแนวสถานีขนส่งมวลชนระบบรางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เปิดเผยถึงกระแสการตอบรับจากการเปิดพรีเซลโครงการ “ไนท์บริดจ์ ดิ โอเชียน ศรีราชา” ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม โดยล่าสุด กวาดยอดพรีเซลแล้ว 40% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการทั้งหมด 2,500 ล้านบาท
โครงการ KnightsBridge The Ocean Sriracha นี้คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 1/2561 โดยเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มผู้บริหารในนิคมอุตสาหกรรมทั้งชาวไทยและต่างชาติ กลุ่มผู้สนใจในการลงทุนซื้อเพื่อปล่อยเช่า รวมถึงกลุ่มคนญี่ปุ่นที่ต้องการซื้อเป็นทรัพย์สินในอนาคต สุดท้ายคือ กลุ่มอาชีพที่เข้ามาทำงานใหม่ เช่น หมอโรงพยาบาลเอกชน วิศวกร อาจารย์มหาวิทยาลัย และอื่นๆ รวมทั้งยังเน้นการทําตลาดที่หลากหลาย เช่น การให้ทีมขายของบริษัทเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้านักลงทุนชาวต่างชาติ Investor หรือชาวต่างชาติที่ต้องการซื้อเพื่อใช้ชีวิตหลังเกษียณ หรือใช้ชีวิตกับครอบครัว
โดยได้นําห้องชุด 25% ของโครงการไปโรดโชว์ต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และจีน เพื่อเป็นการเร่งขยายสัดส่วนฐานลูกค้าต่างชาติให้เพิ่มขึ้นจากเดิม 10% เป็น 20% โดยชาวญี่ปุ่นคิดเป็น 72% จากสัดส่วนลูกค้าต่างชาตทั้งหมด
“ทั้งนี้ โครงการไนท์บริดจ์ ดิ โอเชียน ศรีราชา ถือเป็นโครงการที่ตอบโจทย์ลูกค้าในพื้นที่ และลูกค้าชาวต่างชาติ ด้วยจุดเด่นทางด้านดีไซน์อาร์ตเดคโค ที่มีการการออกแบบให้มีพื้นที่การใช้งานได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด รวมทั้งยังเป็นการออกแบบเพื่อตอบโจทย์ของลูกค้าชาวญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว ทั้งความหรู และมีรายละเอียด” นายพีระพงศ์ กล่าว
สำหรับ “ศรีราชา” ในปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างมาก จากแผนนโยบายของภาครัฐ เพราะศรีราชา มีนิคมอุตสาหกรรมที่สำคัญ ๆ เช่น นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง, ปิ่นทอง, เหมราช, บ่อวิน, อมตะซิตี้, อีสเทิร์นซีบอร์ด ซึ่งมีผู้ประกอบการ (โรงงาน) มากกว่า 1,100 ราย และอยู่ระหว่างการขยายตัวเพิ่มขึ้นในระยะยาว
ดังนั้น ที่พักอาศัยจึงมีความต้องการเพิ่มขึ้นอีก 2-3 เท่าตัว และพบว่า เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่ศรีราชา มีอัตราการเข้าพักมากกว่า 90% โดยราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 35,000-40,000 บาทต่อเดือน ขนาดห้องพัก 34-40 ตร.ม. รวมถึงราคาที่ดินเพิ่มขึ้นตารางวาละ 1-3 แสนบาท ดังนั้น โครงการคอนโดมิเนียมในศรีราชาจึงได้รับความนิยมจากกลุ่มนักลงทุนที่ซื้อเพื่อปล่อยเช่า เนื่องจากเมื่อเทียบจากราคาคอนโดฯ เฉลี่ยตารางเมตรละ 1 แสนบาท จะให้ผลตอบแทนการลงทุนจากค่าเช่าเฉลี่ยปีละกว่า 8-10%
“อนาคต “ศรีราชา” จะมีการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจในระดับสูง เพราะความโดดเด่นของเมืองนิคมอุตสาหกรรม เป็นศูนย์กลางด้านลอจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญลำดับ 16 ของโลก ที่ทำรายได้ปีละ 2 แสนล้านบาท ทำให้ศรีราชาได้กลายเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ที่มีรายได้มาก และในปี 60 คาดว่า การขยายขยายเส้นทางมอเตอร์เวย์พัทยา-มาบตาพุด จะแล้วเสร็จ” นายพีระพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ศึกษาแผนการเปิดโครงการใหม่ย่านแหลมฉบัง-ศรีราชา ลักษณะ Mixed use Township ตอกยํ้าความมั่นใจในการเข้า Blue Ocean อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีที่ดินไว้แล้วบางส่วน ซึ่งคาดว่าจะทยอยเปิดตัวได้ในอนาคต และภายในสิ้นปีนี้พร้อมเปิดโครงการใหม่อีก 2 โครงการ มูลค่า 1,100 ล้านบาท