รองนายกฯ สมคิด แนะตลาดทุนไทยหนุนโอกาสธุรกิจให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยเพื่อให้มีศักยภาพเติบโตต่อไปในอนาคต สามารถเข้าระดมทุนในตลาด mai ให้มีความแข็งแกร่ง ต่อยอดไปสู่นานาชาติระดับอาเซียน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนโยบายการพัฒนาตลาดทุนไทยต่อคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. ว่า ขณะนี้ได้เตรียมที่จะได้มอบหมายให้ตลาดหุ้นไทยวางแผนการพัฒนาตลาดทุนใหม่ เพื่อให้รองรับต่อนโยบายแผนพัฒนาเศรษฐกิจในรูปแบบใหม่ ตามแนวทางที่นายกรัฐมนตรีวางไว้ คือ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศที่เป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้กำหนดแนวทางให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ดำเนินการใน 2 ลักษณะ คือ การสร้างความเชื่อมั่น และแรงจูงใจ และความน่าเชื่อถือของนักลงทุนและผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ในการที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมสื่อและดิจิตอล ปิโตรเคมีและเคมิคอล ให้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น และการสนับสนุนการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาตลาดทุน หรือ Venture Capital ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศ และประสบผลสำเร็จอย่างมากในการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อม หรือ SME
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเปิดโอกาสในการแสวงหาตลาดใหม่ๆ และสามารถเติบโตแข่งขันได้กับประเทศอื่นๆ ทั้งนี้ ยังมีในส่วนของการให้การสนับสนุนสำหรับผู้เริ่มทำธุรกิจที่มีช่องทางโอกาสในการทำตลาด แต่ประสบปัญหาด้านเงินทุน โดยจะเป็นการเข้าไปช่วยเหลือด้านเงินทุน และการพัฒนาบริษัทให้มีความแข็งแกร่งจนสามารถจัดตั้งเป็นบริษัทจดทะเบียนขนาดเล็กที่จะเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai เพื่อให้มีการเติบอย่างยั่งยืนในอนาคตได้
“โอกาสสำหรับประเทศไทยที่จะเป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนของภูมิภาคอาเซียนยังมีอยู่อีกมาก ซึ่งไทยมีศักยภาพ มีความพร้อม แต่ติดอุปสรรคที่เงินทุน และการทำตลาดที่ดี โดยเฉพาะกลุ่มอุตสากรรมใหม่ๆ เช่นดิจิตอล ธุรกิจอาหาร อุตสาหกรรมการแพทย์ หากได้รับการส่งเสริมสนับสนุนที่ดีก็จะสามารถต่อยอดพัฒนาไปสู่ความยั่งยืน สร้างรายได้ให้แก่ประเทศเป็นจำนวนมาก”
ขณะเดียวกัน รองนายกรัฐมนตรี ยังได้เสนอแนะแนวทางในการพัฒนาตลาดทุนด้วยการเชื่อมโยงตลาดทุนไทยกับตลาดทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นสำคัญในกลุ่มภูมิภาคอาเซียน คือ สิงคโปร์ และ CLMV (กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม) เพื่อให้ตลาดหุ้นไทยมีมาตรฐานสูงขึ้นทั้งจากในส่วนของแนวโน้มนักลงทุนต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย หลังเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ AEC และเป็นการเพิ่มมูลค่าของ Market Capital ของตลาดทุนไทยให้สูงขึ้นด้วย
ทั้งนี้ จะเร่งดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมการตลาดทุน ซึ่งจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อตลาดทุนไทย เช่น กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์ฯ สมาคมหลักทรัพย์ต่างๆ เข้ามาร่วมวางแผนงานพัฒนาตลาดทุน สำหรับลักษณะของการเชื่อมโยงกับตลาดทุนในอาเซียน จะเชื่อมโยงในการซื้อขายหลักทรัพย์ข้ามประเทศได้อย่างสะดวก ดังนั้น คณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยจะต้องหาแนวทางร่วมกันพัฒนาสินค้า และผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนให้มีความโดดเด่น สร้างมิติใหม่ สอดคล้องต่ออุตสาหกรรมคลัสเตอร์ที่รัฐบาลวางไว้
ด้าน นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ หรือ ตลท. กล่าวทิ้งท้ายว่า คณะกรรมการของ ตลท.มีความยินดีที่จะร่วมพัฒนาตลาดทุนไทยตามนโยบาย S-Curve ของรัฐบาล เพื่อส่งเสริมศักยภาพตลาดทุนไทยให้มีความโดดเด่นเชื่อมโยงกับตลาดทุนอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนได้
อย่างไรก็ตาม แผนพัฒนาตลาดทุนไทยซึ่งกำลังจัดทำอยู่ในขณะนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จ และประกาศได้ในเดือนธันวาคม ซึ่งรายละเอียดของแผนงานต่างๆ นั้นจะมีความสอดรับต่อนโยบายการดำเนินงานของรัฐบาล ตามแผนกลุ่มอุตสาหกรรมคลัสเตอร์ 10 ประเภทที่กำหนดไว้ ขณะที่ในส่วนของการจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดเล็กให้ได้มีแหล่งเงินทุนที่เหมาะสมเพื่อขยายโอกาสการเติบโตไปสู่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai โดย ตลท.เตรียมที่จะเสนอบอร์ดในการคัดสรรค์เงินทุนดังกล่าวมาใช้ตามความเหมาะสมต่อไป
