“ตลท.” จับมือ “บล.ภัทร-แบงก์ออฟอเมริกา-บจ. 120 ราย” ให้ข้อมูลงาน Thailand Focus 2015 “Opportunity Growth and Reform” โดยเน้นข้อมูลด้านนโยบายภาครัฐ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแก่ผู้ลงทุนสถาบันจากทั่วโลก พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงในตลาดเงินตลาดทุน และภาครัฐบาล หวังเสริมความเชื่อมั่นการลงทุน วันที่ 2-4 ธ.ค.นี้
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า งาน Thailand Focus จัดขึ้นเป็นปีที่ 9 ภายใต้ชื่องาน “Opportunity Growth and Reform” เพื่อนำเสนอความน่าสนใจของตลาดทุนไทยแก่ผู้ลงทุนสถาบันจากทั่วโลก สอดคล้องกับแผนงานสำคัญในการขยายฐานผู้ลงทุนทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง
โดยงาน Thailand Focus ในปีนี้ จะมีบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ร่วมนำเสนอข้อมูลถึง 120 บริษัท จากทุกกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งบริษัทขนาดใหญ่ กลาง ไปจนถึงขนาดเล็ก มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมถึง 8.9 ล้านล้านบาท คิดเป็นเกือบ 66% ของมูลค่ารวมของตลาด (ข้อมูล ณ 13 พ.ย. 2558)
“แม้ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะมีความผันผวนในช่วงที่ผ่านมา แต่ว่า บจ.ไทย ยังมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องไปต่างประเทศ โดยเฉพาะในระดับภูมิภาค ขณะที่ได้รับแรงผลักดันจากนโยบายเศรษฐกิจในประเทศที่มีความชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะจากคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจชุดใหม่ ซึ่งมีมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในด้านการลงทุนของภาครัฐและเอกชน อีกทั้งช่วงเวลาการจัดงานเป็นช่วงที่ผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกจะวางแผนการลงทุนในปีต่อไป”
ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะนำเสนอศักยภาพของประเทศให้ผู้ลงทุนได้ทราบจากผู้บริหาร บจ. โดยตรง งาน Thailand Focus ในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ เป็นประธานเปิดงานและปาฐกถาพิเศษนโยบายภาครัฐในการปฏิรูปประเทศรอบด้าน และได้รับเกียรติจาก ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปาฐกถานโยบายทางการเงิน ซึ่งเชื่อว่าจะเรียกความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนต่างชาติในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
นายกฤติยา วีรบุรุษ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร จำกัด (มหาชน) บริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคิน ภัทร กล่าวแสดงความเชื่อมั่นถึงความน่าสนใจของตลาดหลักทรัพย์ไทยในสายตาของผู้ลงทุนต่างประเทศว่าแม้ช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มการชะลอตัวในหลายภูมิภาค แต่ประเทศไทยยังคงได้รับปัจจัยบวกจาก 2 กระแสความเปลี่ยนแปลงหลักในทศวรรษข้างหน้า (Megatrends) ได้แก่ ความก้าวหน้าในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิตอล (Digital Revolution) ที่สนับสนุนการขยายตัวด้านโทรคมนาคมและการสื่อสารและเอื้อให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้การบริโภคและการลงทุนโดยรวมมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง
สำหรับกระแสความเปลี่ยนแปลงที่สองคือ กระแสการรวมกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (Regionalization of Greater Mekong Subregion: GMS) ซึ่งจะส่งผลดีทั้งด้านการค้า การบริโภค และการลงทุนอย่างต่อเนื่องไปอีกหลายสิบปี และจะทำให้ประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญของ GMS เป็นที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนจากทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
นางสาวอรกัญญา พิบูลธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ สาขาประเทศไทย ธนาคารแห่งอเมริกา เมอร์ริล ลินซ์ กล่าวว่า แม้การเติบโตในประเทศชะลอตัว และการส่งออกกับประเทศคู่ค้าหลักบางแห่งหดตัว แต่ประเทศไทยยังมีศักยภาพการเติบโต มีพื้นฐานที่น่าลงทุนในระยะยาว อีกทั้งประเทศไทยยังมีโอกาสการลงทุนที่เพิ่มขึ้นจากการเชื่อมโยงภูมิภาค ด้วยความได้เปรียบจากมีตำแหน่งที่ตั้ง รวมทั้งมีสภาพเศรษฐกิจที่เอื้อต่อการค้าการลงทุน โดยงาน Thailand Focus ได้เชิญผู้บริหารชั้นนำของประเทศและตัวแทนจากภาครัฐบาลในการให้ข้อมูลสำคัญในการลงทุนต่อนักลงทุนทั่วโลก
