ผู้จัดการรายวัน360องศา - รมว.คลัง เผยเตรียมพิจารณาออกกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ระดมทุนกว่า 1 แสนล้านบาท ชี้ให้ผลตอบแทนยั่งยืนมั่นคงแบบเดียวกับวาภายุภักษ์ เนื่องจากเป็นกองทุนระยะยาว คาดประชาชนให้ความสนใจเพราะรัฐการันตี แย้มอนาคตอาจยกเลิกมาตรการยกเว้นภาษี LTF เพื่อนำเงินไปพัฒนาประเทศด้านอื่นๆ ส่วนผู้จัดการตลาดหุ้นไทยพร้อมหนุนตั้งกองทุน
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวถึงนโยบายผลักดันการตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งชาติ หรือ infrastructure Fund ว่า ขณะนี้ทางกระทรวงการคลังอยู่ในช่วงของการที่จะเตรียมเสนอขออนุมัติการจัดตั้ง Thailand infrastructure Fund หรือกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน มูลค่าประมาณ 1 แสนล้านบาท โดยขณะนี้ได้อยู่ในกระบวนการพิจารณาที่ประชุมของคณะรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปภายใน 2 สัปดาห์ โดยจุดประสงค์หลักของการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานนี้เพื่อเป็นช่องทางระดมทุนสำหรับใช้ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะเน้นการเสนอขายหน่วยลงทุนให้แก่นักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศ และต่างประเทศเป็นหลัก ขณะที่ผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนนั้นขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษา ซึ่งคาดว่าจะใกล้เคียงกับผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนวายุภักษ์
“กองทุน Thailand infrastructure Fund มีมูลค่าการระดมทุนประมาณ 1 แสนล้านบาท เป็นการระดมทุนในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานซึ่งอยู่ในโรดแมปของรัฐบาล โดยเน้นการเปิดกว้างที่ครอบคลุม ได้แก่ การลงทุนในหุ้น หรือตราสารหนี้ โดยมีลักษณะการลงทุนใกล้เคียงกับกองทุนวายุภักษ์ ซึ่งรัฐบาลจะเป็นผู้ค้ำประกันในช่วงที่โครงการก่อสร้างพื้นฐานยังไม่แล้วเสร็จ เพื่อการันตีว่ากองทุนนี้สามารถให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือกองทุนได้อย่างแน่นอน โดยรัฐบาลจะรับประกันผลตอบแทนขั้นต้นเพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ โดยกองทุนนี้จะเน้นสัดส่วนนักลงทุนสถาบันซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และบริษัทประกันชีวิต”
ขณะที่ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้พยากรณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้คาดว่าจะสามารถขยายตัวได้ที่ประมาณ 2.9-3.0% ซึ่งทิศทางของเศรษฐกิจที่ดีขึ้นนั้นจะช่วยสนับสนุนให้ภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีขึ้น และนักลงทุนทั้งใน และต่างประเทศกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ รัฐบาลได้เตรียมที่จะต่อเวลาในส่วนของสิทธิประโยชน์ของด้านภาษีในกองทุน LTF โดยจะยืดระยะเวลาออกไปอีก 3 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดในปี 2562 ว่า เพื่อให้นักลงทุนสามารถใช้เวลาในการพิจารณาเลือกการลงทุนอื่นที่ให้ผลตอบแทนต่อเนื่องไปหลังจากที่กองทุนดังกล่าวหมดอายุลง อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากการเติบโตของตลาดหุ้นในปัจจุบันนั้น ณ ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 14 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงกว่าตลาดเงิน เช่น สถาบันการเงินต่างๆ ทำให้มีนักลงทุนไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ในอนาคตรัฐอาจยกเลิกมาตรการให้การสนับสนุนด้านภาษีที่เกี่ยวข้องต่อตลาดทุนที่มีอยู่ โดยอาจจะนำเงินภาษีที่ได้ไปใช้ในการพัฒนาประเทศด้านอื่นที่มีความจำเป็นมากกว่า
ขณะเดียวกัน ในส่วนของประเด็นในเรื่องรายได้รัฐที่จะได้จากการประมูลคลื่น 4G ที่มีมูลค่าสูง รัฐมองว่าอาจจะนำเงินที่ได้จากการประมูลบางส่วนไปใช้ในโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อผู้มีรายได้น้อย รวมไปถึงแนวทางในการพัฒนาประเทศด้านระบบ National E-payment ที่ใช้งบประมาณการลงทุนที่สูง ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของของประเทศไทย
ขณะที่ นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท.กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ทางตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงของการศึกษาข้อมูลด้านกองทุน Infrastructure Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่มีความยั่งยืน ให้ผลตอบแทนในระยะยาว และเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ และดีกว่าตราสารหนี้
“คาดว่านักลงทุนจะมีความเชื่อมั่นในกองทุน infrastructure fund เพราะเป็นกองที่การันตีโดยภาครัฐ ที่ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับกองทุนวายุภักษ์ และพันธบัตรรัฐบาล ซึ่ง ตลท.มองว่าเป็นทางเลือกในการลงทุนอย่างหนึ่งที่ดี และพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่”
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวถึงนโยบายผลักดันการตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งชาติ หรือ infrastructure Fund ว่า ขณะนี้ทางกระทรวงการคลังอยู่ในช่วงของการที่จะเตรียมเสนอขออนุมัติการจัดตั้ง Thailand infrastructure Fund หรือกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน มูลค่าประมาณ 1 แสนล้านบาท โดยขณะนี้ได้อยู่ในกระบวนการพิจารณาที่ประชุมของคณะรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปภายใน 2 สัปดาห์ โดยจุดประสงค์หลักของการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานนี้เพื่อเป็นช่องทางระดมทุนสำหรับใช้ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะเน้นการเสนอขายหน่วยลงทุนให้แก่นักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศ และต่างประเทศเป็นหลัก ขณะที่ผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนนั้นขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษา ซึ่งคาดว่าจะใกล้เคียงกับผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนวายุภักษ์
“กองทุน Thailand infrastructure Fund มีมูลค่าการระดมทุนประมาณ 1 แสนล้านบาท เป็นการระดมทุนในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานซึ่งอยู่ในโรดแมปของรัฐบาล โดยเน้นการเปิดกว้างที่ครอบคลุม ได้แก่ การลงทุนในหุ้น หรือตราสารหนี้ โดยมีลักษณะการลงทุนใกล้เคียงกับกองทุนวายุภักษ์ ซึ่งรัฐบาลจะเป็นผู้ค้ำประกันในช่วงที่โครงการก่อสร้างพื้นฐานยังไม่แล้วเสร็จ เพื่อการันตีว่ากองทุนนี้สามารถให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือกองทุนได้อย่างแน่นอน โดยรัฐบาลจะรับประกันผลตอบแทนขั้นต้นเพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ โดยกองทุนนี้จะเน้นสัดส่วนนักลงทุนสถาบันซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และบริษัทประกันชีวิต”
ขณะที่ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้พยากรณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้คาดว่าจะสามารถขยายตัวได้ที่ประมาณ 2.9-3.0% ซึ่งทิศทางของเศรษฐกิจที่ดีขึ้นนั้นจะช่วยสนับสนุนให้ภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีขึ้น และนักลงทุนทั้งใน และต่างประเทศกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ รัฐบาลได้เตรียมที่จะต่อเวลาในส่วนของสิทธิประโยชน์ของด้านภาษีในกองทุน LTF โดยจะยืดระยะเวลาออกไปอีก 3 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดในปี 2562 ว่า เพื่อให้นักลงทุนสามารถใช้เวลาในการพิจารณาเลือกการลงทุนอื่นที่ให้ผลตอบแทนต่อเนื่องไปหลังจากที่กองทุนดังกล่าวหมดอายุลง อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากการเติบโตของตลาดหุ้นในปัจจุบันนั้น ณ ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 14 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงกว่าตลาดเงิน เช่น สถาบันการเงินต่างๆ ทำให้มีนักลงทุนไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ในอนาคตรัฐอาจยกเลิกมาตรการให้การสนับสนุนด้านภาษีที่เกี่ยวข้องต่อตลาดทุนที่มีอยู่ โดยอาจจะนำเงินภาษีที่ได้ไปใช้ในการพัฒนาประเทศด้านอื่นที่มีความจำเป็นมากกว่า
ขณะเดียวกัน ในส่วนของประเด็นในเรื่องรายได้รัฐที่จะได้จากการประมูลคลื่น 4G ที่มีมูลค่าสูง รัฐมองว่าอาจจะนำเงินที่ได้จากการประมูลบางส่วนไปใช้ในโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อผู้มีรายได้น้อย รวมไปถึงแนวทางในการพัฒนาประเทศด้านระบบ National E-payment ที่ใช้งบประมาณการลงทุนที่สูง ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของของประเทศไทย
ขณะที่ นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท.กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ทางตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงของการศึกษาข้อมูลด้านกองทุน Infrastructure Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่มีความยั่งยืน ให้ผลตอบแทนในระยะยาว และเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ และดีกว่าตราสารหนี้
“คาดว่านักลงทุนจะมีความเชื่อมั่นในกองทุน infrastructure fund เพราะเป็นกองที่การันตีโดยภาครัฐ ที่ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับกองทุนวายุภักษ์ และพันธบัตรรัฐบาล ซึ่ง ตลท.มองว่าเป็นทางเลือกในการลงทุนอย่างหนึ่งที่ดี และพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่”
