รองนายกฯ “สมคิด” มอบนโยบาย ตลท.ต้องสนับสนุนทิศทางการพัฒนาประเทศเป็นอันดับแรก โดยให้ผู้บริหารของ ตลท. กำหนดทิศทางของ ตลท. และตลาดทุนเป็นไปตามนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ให้เกิดความยั่งยืน และเป็นประเทศที่มีรายได้สูง หรือ S - CURVE พร้อมใช้เงินกองทุนพัฒนาตลาดทุนสนับสนุนทุนให้เอสเอ็มอีท้องถิ่นในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย และเตรียมเสนอ ครม.ตั้งคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทย เดินตามนโยบาย S - CURVE เพื่อยกระดับตลาดทุนไทย คาดทำแผนชง รบ.ได้ ธ.ค.นี้
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจ และนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบนโยบายคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง เพื่อให้ตลาดทุนไทยสนับสนุนทิศทางการพัฒนาประเทศเป็นอันดับแรก อีกทั้งเพิ่มบทบาทตลาดตราสารหนี้ให้ประชาชนเข้าถึง และใช้เป็นช่องทางระดมทุนมากขึ้น
"ผมและรัฐมตรีคลังเข้ามาเยี่ยมตลาดหลักทรัพย์ หลังจากไม่มานานพอสมควร เพื่อให้นโยบายบางอย่าง เพราะรัฐบาลจัดตั้งกรรมการพัฒนาตลาดทุน ซึ่งมีรัฐมนตรีคลังเป็นประธาน และมาเพื่อให้แนวทางบางอย่างไปสานต่อ เพราะเห็นว่าตลาดทุนไทยผ่านช่วงเวลามาหลายข่วง ตั้งแต่เปิดตลาด และตลาดก็เติบโตขึ้น เผชิญวิกฤติการณ์หลายรอบ ขณะนี้ขนาดตลาดหุ้นใหญ่พอๆกับจีดีพี ในฐานะที่ประเทศก้าวสู่อีกจุดหนึ่งในการพัฒนาประเทศ สิ่งแรกคืออยากให้ตลาดทุนสามารถสะท้อนถึงบทบาทช่วยพัฒนาประเทศ รวมทั้งหนุนการเติบโตของประเทศ"
นายสมคิด กล่าวว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีสัปดาห์หน้าพิจารณาการตั้งคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน เพื่อกำหนดแผนงานสำหรับตลาดทุนไทยในอนาคต ดังนั้น จึงให้นโยบายกับผู้บริหารของ ตลท. ให้กำหนดทิศทางของ ตลท. และตลาดทุนเป็นไปตามนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ให้เกิดความยั่งยืน และเป็นประเทศที่มีรายได้สูง หรือ S - CURVE โดยให้ ตลท.ชักจูงเอกชนเข้ามาสนับสนุนการเติบโตของประเทศ 2 ลักษณะ ดังนี้
ขณะเดียวกัน การชักชวนบริษัทที่มีศักยภาพในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐบาล เช่น อุตสากรรมดิจิตอล อาหารชั้นสูง เมดิคัล และปิโตรเคมี ให้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และให้ตลาดหลักทรัพย์นำเงินกองทุนพัฒนาตลาดทุนเข้ามาร่วมลงทุน หรือ venture capital ในบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี ที่ดำเนินธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพื่อช่วยเหลือการเริ่มต้นธุรกิจ ( Start Up) เพราะเอสเอ็มอี ในต่างจังหวัดที่มีประสิทธิภาพแต่มีทุนน้อย จึงต้องเข้าไปช่วยสนับสนุนด้านเงินทุน และเมื่อบริษัทมีความพร้อมและแข็งแกร่งก็จะเข้ามาระดมทุนในตลาดเอ็มเอไอต่อไป ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนบริษัทจดทะเบียนที่มีศักยภาพให้ตลาดหลักทรัพย์ต่อไป
"ตลาดหลักทรัพย์ต้องเข้ามาช่วยชนบท ลดความเหลื่อมล้ำ และดึงบริษัทในประเทศเข้ามาจดทเบียนในตลาดหุ้นไทยเพื่อที่จะช่วนให้ตลาดแข็งแรงและเติบโต ...ตลาดหลักทรัพย์ไม่ใช่เก็งแต่เรื่องคอมมิชชั่นอย่างเดียว แต่ควรแป็นตลาดทุนเพื่อพัฒนาประเทศ ขึ้นสู่ S Curve ตัวใหม่"
นอกจากนี้ ยังให้นโยบาย ตลท.เชื่อมโยงกับตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพราะมาตรฐานตลาดหลักทรัพย์ไทยสูงขึ้นมาก หากเชื่อมโยงกับตลาดสิงคโปร์ได้จะเกิดศักยภาพและพลังเพิ่มขึ้น รวมทั้งเชื่อมโยงกับตลาดหุ้น CLMV จูงใจให้บริษัทในประเทศเหล่านี้มาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ของไทย เพื่อเพิ่มมูลค่าตามราคาตลาด หรือมาร์เก็ตแคป ให้ตลาดหลักทรัพย์ไทยมีความโดดเด่นมากขึ้น รวมทั้งให้ตลาดหลักทรัพย์โปรโมทตลาดตราสารหนี้ให้นักลงทุนและเอกชนเข้าถึง เพื่อใช้ในการระดมทุนด้วย
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อไทยก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ประเทศไทยน่าจะเป็นศูนย์กลางของอาเซียน และ CLMV และความสามารถตลาดทุนไทยสูงกว่า หากบวกกับความเจริญของสิงคโปร์จะทำให้มีพลังมากขึ้น ซึ่งสิงคโปร์มีความสนใจเช่นกัน โดยการเชื่อมโยงจะสามารถซื้อขายหุ้นข้ามตลาดหลักทรัพย์ได้ เพื่อพัฒนาตลาดทุนไทย เพราะหากทิ้งไว้อย่างนี้ความโดดเด่นของตลาดหุ้นไทยจะหมดไป เพราะจำนวนบริษัทจดทะเบียนจะมีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์ต้องมีการสร้างความโดดเด่นให้นักลงทุนสนใจให้ได้ สร้างมิติใหม่ให้ได้ ส่วนรูปแบบการเชื่อมโยงนั้น ได้มอบหมายให้ ตลท.ไปศึกษา เช่น การซื้อขายหลักทรัพย์จากประเทศหนึ่งไปยังอีกประทเศหนึ่ง เพื่อพัฒนาตลาดทุนทั้งสองแห่ง
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการตลาดทุนไทยชุดใหม่ขึ้นมาเพื่อกำหนดแผนงานในอนาคต กรรมการจะมาจากทุกภาคส่วน ได้แก่ ตลท. ,คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) , ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ กระทรวงการคลัง นอกจากนี้ ยังมีประธานบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เข้ามามีส่วนรวมสร้างแผนงานสำหรับตลาดหลักทรัพย์และตลาดทุนในอนาคต ซึ่งจะนำเสนอวาระดังกล่าวเข้าที่ประชุม ครม.ในสัปดาห์หน้า หรือปลายเดือนนี้
ด้านชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ประธานคณะกรรมมการ (บอร์ด) ตลท. กล่าวว่า ตลท.จะพัฒนาคุณภาพทุกมิติควบคู่กับการช่วยพัฒนาประเทศในยุคหัวเลี้ยวหัวต่อ โดยทำแผนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับรัฐบาลและให้มีความลึกมากขึ้น ซึ่งจะเสนอบอร์ด ตลท. เดือนธันวาคม 2558 นี้
ขณะที่นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า ตลท. พร้อมจะพัฒนาตลาดทุนไทยตามนโยบาย S-Curve ของรัฐบาล เพื่อยกระดับตลาดทุนไทยเชื่อมโยงกับตลาดในอาเซียน โดยในส่วนของการวางแผนพัฒนาตลาดทุน คาดว่าภายในเดือนธันวาคมจะมีการแถลงแผนตลาดทุนไทย ส่วนแนวทางการใช้เงินในกองทุนร่วมลงทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อช่วยเอกชนรายเล็กที่มีศักยภาพ ยืนยันว่าพร้อมจะใช้เงินทุนในกองทุนดังกล่าว ซึ่งจะต้องเสนอบอร์ด ตลท. ว่าจะพิจารณาเงินจากส่วนใดมาใช้ เพื่อให้เอสเอ็มอีที่ต้องการเริ่มธุรกิจมีเงินทุนได้