นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นแห่ทิ้งหุ้น หลังเกิดเหตุการณ์ปาระเบิดบนสะพานสาทรซ้ำบึ้มกลางราชประสงค์ กดดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงหนักกว่า 40 จุด ก่อนจะปรับตัวดีขึ้น และปิดการซื้อขายที่ 1,372.61 จุด ติดลบ 36.13 จุด ขณะที่ด้านผู้จัดการตลาดหุ้นไทยหารือร่วมนายกสมาคมโบรกฯ หวังสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน พร้อมให้กำลังใจนักลงทุนเชื่อรัฐบาลแก้ไขสถานการณ์เลวร้ายได้อย่างรวดเร็ว
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วันนี้ (18 ส.ค.) ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงตั้งแต่เปิดการซื้อขายในภาคเช้า หลังเกิดเหตุระเบิดย่านราชประสงค์ใจกลางกรุงเทพฯ โดยแตะระดับต่ำสุดที่ 1,369.97 จุด สูงสุด 1,388.12 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายภาคเช้าที่ 1,380.66 จุด ลดลง 28.08 จุด หรือคิดเป็น 1.99% มูลค่าการซื้อขาย 37,828.51 ล้านบาท
ขณะที่เปิดการซื้อขายภาคบ่าย ดัชนียังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และรุนแรง หลังจากพบมีการก่อเหตุย่านสะพานสาทร ยิ่งกดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยดิ่งหนักติดลบกว่า 40 จุด แตะระดับต่ำสุดที่ 1,362.31 จุด และปิดการซื้อขายที่ 1,372.61 จุด ลดลงจากวันก่อน 36.13 จุด หรือ 2.56% มูลค่าการซื้อขายรวม 78,348.55 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ราคาปิด 268 บาท ลดลง 19 บาท หรือ 6.62% มูลค่า 11,722.58 ล้านบาท บมจ.ปตท. (PTT) ราคาปิด 280 บาท ลดลง 17 บาท หรือ 5.72% มูลค่า 5,955.95 ล้านบาท และ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ราคาปิด 9.60 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือ 4.00% มูลค่า 2,970.04 ล้านบาท
“เกศรา” เชื่อมั่นพื้นฐานตลาดหุ้นไทย
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่กังวลเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหลัทรัพย์ฯ หลังจากเกิดกรณีระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เตรียมความพร้อม และหารือร่วมกับคนในวงการตลาดทุนในการรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเพื่อหาแนวทางในการทำให้อุตสาหกรรมตลาดทุนเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนมาตรการพิเศษที่จะรองรับสถานการณ์ร้ายแรงยังไม่มีเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่ใช้อยู่
ทั้งนี้ นักลงทุนต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และใช้ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนในประเทศมาเป็นปัจจัยหลักที่มาใช้ในการลงทุน เพราะราคาหุ้นจากพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปัจจุบันไม่แพงมากเกินไป
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยน่าจะรับผลกระทบจากเหตุระเบิดดังกล่าวในช่วงสั้น และเป็นผลกระทบเฉพาะกลุ่ม โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน คือ กลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม ซึ่งนักลงทุนไม่ได้เทขายหุ้นทิ้งทั้งตลาด โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงทำการซื้อ-ขายอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้จากมูลค่าการซื้อขายที่มีทั้งแรงซื้อ และแรงขายเข้ามา ส่วนแรงขายจากนักลงทุนต่างชาตินั้นยังคงมีออกมาต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการขายแบบค่อยเป็นค่อยไป แม้ว่าจะมีความตกใจบ้างในช่วงสั้น แต่ก็ไม่ได้ส่งผลทำให้ตลาดถึงกับต้องเป็นกังวล
นางภัทธีรา กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ยืดเยื้อ และยาวนานเกินไป เชื่อว่า รัฐบาลจะยังคงผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ให้เกิดขึ้น เพื่อที่จะเป็นกลไกขับเคลื่อนให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปให้ได้ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ยังรอสิ่งที่จะเข้ามาสร้างความเชื่อมั่นได้เป็นอย่างดี คือ การปฏิรูปประเทศ ซึ่งหากเกิดขึ้นได้เร็วจะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นอย่างมาก
“นักลงทุนควรมีสติ อย่าตกใจ ให้มองสถานการณ์ทั่วโลก โดยให้ทยอยสะสมซื้อ มองระยะยาวเป็นหลัก ที่น่าจะส่งผลดีในอนาคต โดย DBS มองดัชนีปีนี้ถ้าปรับตัวยืนเหนือระดับ 1,450 จุดได้” นางภัทธีรา กล่าว