“รพ.ลาดพร้าว” เทรดวันแรก 28 ต.ค.นี้ จะได้รับการต้อนรับจากนักลงทุน เหตุกระแสตอบรับดีเยี่ยมจากธุรกิจโรงพยาบาลที่มีความเสี่ยงต่ำ พื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง โครงการขยายต่อยอดธุรกิจ หนุนภาพรวมรายได้เติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 15% แถมมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ “ดร.อังกูร ฉันทนาวานิช” เชื่อราคาหุ้นพุ่งทะยานเหนือราคาจอง เหตุพื้นฐานดี ราคาถูก คาดมีนักลงทุนที่พลาดหวังเล็งเก็บในกระดานเพิ่ม และราคาซื้อขายจะยืนเหนือราคาจอง
ดร.อังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH ได้กล่าวแสดงความมั่นใจถึงการซื้อขายหุ้นของ LPH วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 28 ตุลาคม 2558 ว่า จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน และทำให้สามารถยืนเหนือราคาจองที่ 5 บาทต่อหุ้นได้ และยังคาดหมายว่าจะมีนักลงทุนที่พลาดโอกาสในการขอจองเพื่อซื้อหุ้น LPH จะเข้ามาเก็บหุ้นบนกระดานเพิ่ม
เนื่องจากการบริษัทฯ ประกอบธุรกิจสถานพยาบาลที่มีจุดเด่นในเรื่องความแข็งแกร่งด้านปัจจัยพื้นฐานในการดำเนินธุรกิจที่มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญมาอย่างยาวนานถึง 22 ปี ตนจึงเชื่อว่าการเข้ามาระดมทุนในตลาดจะต่อยอดการดำเนินธุรกิจเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ LPH ได้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม LPH ยังกำหนดนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิ
สำหรับเงินที่ได้รับจากการระดมทุนครั้งนี้ LPH จะนำไปใช้สร้างศูนย์การแพทย์ประกันสังคม เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่ประกันตนต่อสำนักงานประกันสังคม อีกทั้งจะใช้เป็นทุนในการก่อสร้างสถานพักฟื้นดูแลผู้สูงอายุ เพื่อรองรับกลุ่มผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดจะเปิดให้บริการได้ในปี 2561 รวมถึงใช้เพื่อสร้างศูนย์พัฒนาการแพทย์เฉพาะทาง โดยลงทุนสร้างโรงพยาบาลลาดพร้าว ลำลูกกา ซึ่งจะเป็นโรงพยาบาลแห่งใหม่ขนาด 180 เตียง โดยจะเป็นโรงพยาบาลทันสมัยแห่งแรกในแถบพื้นที่ที่ชุมชนมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2562 ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุนบางส่วนนั้น LPH จะนำไปใช้ชำระหนี้ระยะยาว และส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
อย่างไรก็ตาม LPH ยังมีแผนเติบโตในระยะยาวโดยมีเป้าหมายในการหาพันธมิตรร่วมดำเนินธุรกิจการให้บริการทางการแพทย์กับโรงพยาบาลแห่งอื่น หรือการลงทุนในกิจการโรงพยาบาลเอกชนแห่งอื่น เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของบริษัท ซึ่งจะทำให้การเติบโตของรายได้ของบริษัทโดยเฉลี่ยมีไม่ต่ำกว่า 15% ต่อปีตามแผน