xs
xsm
sm
md
lg

เหมราชฯ ย้ำรายได้ยังแกร่งแม้ปัจจัยลบรอบด้านแจงครึ่งปีกำไร 1.6 พันล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

เดวิด นาโดน
เหมาราชฯ ประกาศครึ่งแรกปี 58 กำไรสุทธิ 1,612.4 ล้านบาท ลดลง 29% จากช่วงเดียวกันของปี 57 ยันรายได้-กำไรยังแข็งแกร่งแม้จะมีสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย แจงรายได้จากการโอนที่ดินครึ่งปีแรกลดลง 55% ขณะที่รายได้อสังหาฯ ขยายตัวกว่า 10%

นายเดวิด นาร์โดน กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเหมาราช จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับครึ่งปีแรกของปี 58 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,706.1 ล้านบาท ลดลง 37% เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปี 57 ที่มีรายได้รวม 4,285.9 ล้านบาท โดยรายได้มาจากธุรกิจหลัก จำนวน 2,717.2 ล้านบาท ลดลง 37% เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 57 โดยรายได้จากการขายที่ดินอุตสาหกรรมในช่วงครึ่งปีแรกปี 58 มีจำนวน 1,232.1 ล้านบาท หรือลดลง 55% โดยมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 56% ซึ่งรวมรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน จำนวน 33.5 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังมีรายได้จากการขายที่ดินอุตสาหกรรมที่มีการลงนามสัญญาซื้อขายไปแล้ว แต่รอการรับรู้อีก จำนวน 1,763 ล้านบาท ในช่วง 3-12 เดือนข้างหน้า ด้วยวิธีการรับรู้รายได้ทั้งจำนวนเมื่อมีการโอน

ส่วนรายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเป็น จำนวน 878 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1% รายได้รวมจากระบบสาธารณูปโภคซึ่งรวมถึงรายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม เงินปันผลจากบริษัทด้านพลังงาน และสาธารณูปโภค และรายได้จากระบบสาธารณูปโภค และบริการอื่นๆ จำนวน 1,014.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13%

ทั้งนี้ รายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ และการให้บริการโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าให้เช่า การให้เช่าฐานวางท่อ และการให้เช่าสำนักงานเพิ่มขึ้นเป็น 471 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10% เนื่องจากมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการให้เช่าโรงงานสำเร็จรูป จำนวน 255.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18% ส่วนรายได้จากคลังสินค้าให้เช่ามีการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 77.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15% และรายได้จากการให้เช่าฐานวางท่อเพิ่มขึ้นเป็น 75.7 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 18% สะท้อนให้เห็นว่ามีอัตราการเช่า และราคาค่าเช่าสูงขึ้น บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น จำนวน 1,500.1 ล้านบาท มีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) จำนวน 1,508.2 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีแรก ปี 2558 โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA Margin) อยู่ที่ 55% และ 56% ตามลำดับ

นายเดวิด กล่าวว่า ในไตรมาส 2 นี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 931 ล้านบาท ลดลง 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.094 บาทต่อหุ้น หรือลดลง 11% และมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไร หรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ในไตรมาส 2 ปี 58 จำนวน 1,069.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% สำหรับครึ่งปีแรก ปี 58 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,612.4 ล้านบาท หรือลดลง 29% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ สาเหตุที่บริษัทมีกำไรสุทธิลดลงเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 57 เนื่องจากยอดการโอนที่ดินที่ลดลงในช่วงครึ่งปีแรก ปี 58 เพราะมีการขายที่ดินลดลงอันเป็นผลจากสภาวะทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงทั้งตลาดในประเทศ และการส่งออก รวมถึงการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ จำนวน 82.6 ล้านบาท จากการลงทุนด้านพลังงาน (ค่าใช้จ่ายทางบัญชีซึ่งไม่กระทบต่อกระแสเงินสด)

อย่างไรก็ตาม รายได้จากการให้บริการด้านสาธารณูปโภค และรายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เชิงอุตสาหกรรมยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ บริษัทเหมราชฯ ยังคงอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 59.6% เมื่อเทียบกับ 53.3% ในครึ่งปีแรกปี 57 ถึงแม้ว่าจะมีรายได้ที่ลดลงก็ตาม (อัตรากำไรสุทธิจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 62.6% เมื่อเทียบกับ 51.8% ในครึ่งปีแรกปี 57)

นายเดวิด กล่าวว่า การดำเนินงาน และผลประกอบการในช่วง 6 เดือนแรกของปี 58 ที่ค่อนข้างน่าพอใจท่ามกลางสภาวะทางเศรษฐกิจโดยรวมของไทย ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมลดลง 55% โดยเป็นการรับรู้รายได้เมื่อมีการโอนที่ดิน อย่างไรก็ตาม ในส่วนรายได้รวมจากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ในทุกกลุ่มเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2557 และรายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม (ไม่รวมพลังงาน) เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

สำหรับครึ่งปีแรกปี 2558 บริษัทฯ สามารถขายที่ดินอุตสาหกรรมได้ จำนวน 356 ไร่ (142 เอเคอร์ หรือ 57 เฮกตาร์) จากสัญญาจำนวน 13 สัญญา โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่ จำนวน 10 ราย และจากขยายกิจการของลูกค้ารายเดิมอีก 3 ราย เป็นลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมยานยนต์ 62% เพราะยอดขายรถยนต์ภายในประเทศที่ลดลง 16% และปริมาณการผลิตรถยนต์โดยรวมลดลง 2% ในขณะที่ยอดการส่งออกรถยนต์เพิ่มขึ้น 3%

ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรกปี 58 มูลค่าการส่งออกยานยนต์เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมูลค่าการส่งออกยานยนต์คิดเป็นสัดส่วน 14.82% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด หากมองในระยะยาวจะพบว่า ยังคงมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่
กำลังโหลดความคิดเห็น