ASTVผู้จัดการรายวัน – WHA ฟุ้งหลังเทคโอเวอร์“เหมราช” 92.88% ขึ้นแท่นผู้นำนิคมอุตสาหกรรมและโรงงานให้เช่า ฟุ้งจ่อขายที่ดินในนิคมฯ กว่า 700 ไร่ในช่วงครึ่งปีแรก คาดขายพื้นที่ในอาคารยูเอ็ม-ที่ดินเปล่าบนเกาะล้าน ราคาประเมินกว่า 3,000 ล้านบาทได้ในไตรมาส 2 เตรียมงบ 2.5 พันล้านลงทุนพัฒนานิคมฯ โรงไฟฟ้า และสาธารณูปโภค
นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)(WHA) กล่าวว่า ภายหลังจากที่บริษัทได้ซื้อหุ้นของบริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) (HEMRAJ) ส่งผลให้กลุ่มบริษัทเป็นผู้นำในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโรงงานให้เช่า ส่วนส่วนหุ้น 92.88% ซึ่งใช้เม็ดเงินกว่า 40,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินลงทุน 9,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นการกู้เงินและใช้เครื่องมือทางการเงินต่างๆ
โดยสัดส่วนหุ้นที่บริษัทถือเกินกว่า 85% นั้นบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาปรับลดซึ่งมี 3 ทางเลือก คือ ถือในสัดส่วนดังกล่าวต่อไปโดยยอมเสียค่าปรับหลักแสนบาทต่อปี, สวอปหุ้น ซึ่งต้องผ่านการพิจารณาหลายขั้นตอน ได้แก่ ผ่านการอนุมัติของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กลต., ผ่านการอนุมัติของผู้ถือหุ้นของทั้ง 2 บริษัท หรือการขายในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งการลดสัดส่วนหุ้นลงจะทำให้สภาพคล่องของบริษัทดีขึ้น
โดยช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้บริษัทเตรียมจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT)โดยจะนำพื้นเช่าที่โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมของเหมราชที่มีอยู่ 8 แห่ง มีพื้นที่โรงงานให้เช่ารวมกว่า 3 แสนตารางเมตร ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างเลือกว่าจะนำพื้นที่เท่าใดเข้า REIT นอกจากนี้ยังเตรียมนำสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักออกขายซึ่งได้แก่ พื้นที่บางส่วนของอาคารสำนักงานยูเอ็มไอ และที่ดินเปล่าจำนวน 253 ไร่บนเกาะล้าน จ.ชลบุรี ราคาประเมินรวม 2,800-3,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างประมูลคาดว่าจะสามารถขายและรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 2 นี้
มร. เดวิด นาร์โดน กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เหมราชฯ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันเหมราชฯ มีนิคมอุตสาหกรรม 8 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 45,016 ไร่ ปัจจุบันเหลือที่ดินราว 11,000 ไร่ ในปี 2558 บริษัทฯ ตั้งเป้าการขายที่ดินอุตสาหกรรมไว้ที่ 1,400 ไร่ สูงกว่าปี 2557 ซึ่งขายที่ดินได้รวม 665 ไร่ โดยไตรมาสแรกของปี 2558 บริษัทขายที่ดินได้มากถึง 186 ไร่ เป็นลูกค้าใหม่จำนวน 7 ราย ภายใต้สัญญาใหม่จำนวน 9 สัญญา และเป็นการขยายโครงการของลูกค้าเดิมจำนวน 2 สัญญา โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีแรกจะสามารถขายที่ดินได้กว่า 700 ไร่ เนื่องจากมีลูกค้าอยู่ระหว่างเจรจาซื้อหลายราย
สำหรับแผนการลงทุนของบริษัทในปีนี้ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 2,500 ล้านบาท เพื่อลงทุนพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเพิ่มเติม รวมทั้งธุรกิจโรงไฟฟ้าและบริการสาธารณูปโภค แต่จะไม่เน้นการซื้อที่ดินเนื่องจากมีที่ดินในนิคมกว่า 11,000 ไร่แล้ว โดยปีนี้จะพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด เฟส 6 เนื้อที่ 575 ไร่ นิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี 2 เนื้อที่ 632 ไร่ และการเปิดตัวนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด 2 นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด 7 กิโลเมตร เนื้อที่ 3,765 ไร่
ในปี 2558 มีการคาดการณ์ว่าความต้องการโรงงานสำเร็จรูปจะเติบโตราว 23% หรือราว 70,000 ตารางเมตร และคลังสินค้าให้เช่า หรือโลจิสติกส์พาร์คจะเติบโต 48% หรือ 40,000 ตารางเมตร นอกจากนี้ความต้องการน้ำดิบ น้ำประปา น้ำเพื่อการอุตสาหกรรม จนถึงระบบจัดการน้ำเสีย สำหรับลูกค้าภายในนิคมอุตสาหกรรมยังมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มโรงไฟฟ้า โรงงานเหล็ก อุตสาหกรรมยานยนต์ ปิโตรเคมี และอื่นๆ ทำให้คาดการณ์ได้ว่าธุรกิจสาธารณูปโภคของเหมราชฯ จะเติบโตขึ้นราวร้อยละ 8 ต่อปีภายในช่วง 7 ปีข้างหน้า จะมีรายได้ต่อเนื่องได้ประมาณ1,900 ล้านบาทในปี 2558 และกว่า 3,000 ล้านบาท ในปี 2565
นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)(WHA) กล่าวว่า ภายหลังจากที่บริษัทได้ซื้อหุ้นของบริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) (HEMRAJ) ส่งผลให้กลุ่มบริษัทเป็นผู้นำในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโรงงานให้เช่า ส่วนส่วนหุ้น 92.88% ซึ่งใช้เม็ดเงินกว่า 40,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินลงทุน 9,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นการกู้เงินและใช้เครื่องมือทางการเงินต่างๆ
โดยสัดส่วนหุ้นที่บริษัทถือเกินกว่า 85% นั้นบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาปรับลดซึ่งมี 3 ทางเลือก คือ ถือในสัดส่วนดังกล่าวต่อไปโดยยอมเสียค่าปรับหลักแสนบาทต่อปี, สวอปหุ้น ซึ่งต้องผ่านการพิจารณาหลายขั้นตอน ได้แก่ ผ่านการอนุมัติของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กลต., ผ่านการอนุมัติของผู้ถือหุ้นของทั้ง 2 บริษัท หรือการขายในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งการลดสัดส่วนหุ้นลงจะทำให้สภาพคล่องของบริษัทดีขึ้น
โดยช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้บริษัทเตรียมจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT)โดยจะนำพื้นเช่าที่โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมของเหมราชที่มีอยู่ 8 แห่ง มีพื้นที่โรงงานให้เช่ารวมกว่า 3 แสนตารางเมตร ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างเลือกว่าจะนำพื้นที่เท่าใดเข้า REIT นอกจากนี้ยังเตรียมนำสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักออกขายซึ่งได้แก่ พื้นที่บางส่วนของอาคารสำนักงานยูเอ็มไอ และที่ดินเปล่าจำนวน 253 ไร่บนเกาะล้าน จ.ชลบุรี ราคาประเมินรวม 2,800-3,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างประมูลคาดว่าจะสามารถขายและรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 2 นี้
มร. เดวิด นาร์โดน กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เหมราชฯ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันเหมราชฯ มีนิคมอุตสาหกรรม 8 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 45,016 ไร่ ปัจจุบันเหลือที่ดินราว 11,000 ไร่ ในปี 2558 บริษัทฯ ตั้งเป้าการขายที่ดินอุตสาหกรรมไว้ที่ 1,400 ไร่ สูงกว่าปี 2557 ซึ่งขายที่ดินได้รวม 665 ไร่ โดยไตรมาสแรกของปี 2558 บริษัทขายที่ดินได้มากถึง 186 ไร่ เป็นลูกค้าใหม่จำนวน 7 ราย ภายใต้สัญญาใหม่จำนวน 9 สัญญา และเป็นการขยายโครงการของลูกค้าเดิมจำนวน 2 สัญญา โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีแรกจะสามารถขายที่ดินได้กว่า 700 ไร่ เนื่องจากมีลูกค้าอยู่ระหว่างเจรจาซื้อหลายราย
สำหรับแผนการลงทุนของบริษัทในปีนี้ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 2,500 ล้านบาท เพื่อลงทุนพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเพิ่มเติม รวมทั้งธุรกิจโรงไฟฟ้าและบริการสาธารณูปโภค แต่จะไม่เน้นการซื้อที่ดินเนื่องจากมีที่ดินในนิคมกว่า 11,000 ไร่แล้ว โดยปีนี้จะพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด เฟส 6 เนื้อที่ 575 ไร่ นิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี 2 เนื้อที่ 632 ไร่ และการเปิดตัวนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด 2 นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด 7 กิโลเมตร เนื้อที่ 3,765 ไร่
ในปี 2558 มีการคาดการณ์ว่าความต้องการโรงงานสำเร็จรูปจะเติบโตราว 23% หรือราว 70,000 ตารางเมตร และคลังสินค้าให้เช่า หรือโลจิสติกส์พาร์คจะเติบโต 48% หรือ 40,000 ตารางเมตร นอกจากนี้ความต้องการน้ำดิบ น้ำประปา น้ำเพื่อการอุตสาหกรรม จนถึงระบบจัดการน้ำเสีย สำหรับลูกค้าภายในนิคมอุตสาหกรรมยังมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มโรงไฟฟ้า โรงงานเหล็ก อุตสาหกรรมยานยนต์ ปิโตรเคมี และอื่นๆ ทำให้คาดการณ์ได้ว่าธุรกิจสาธารณูปโภคของเหมราชฯ จะเติบโตขึ้นราวร้อยละ 8 ต่อปีภายในช่วง 7 ปีข้างหน้า จะมีรายได้ต่อเนื่องได้ประมาณ1,900 ล้านบาทในปี 2558 และกว่า 3,000 ล้านบาท ในปี 2565