WHA คาดซื้อเหมราชสำเร็จในสัปดาห์นี้ ใช้เงินกว่า 26,000 ล้านบาท เล็งขนสินทรัพย์ตั้ง REIT 2 กอง 15,000 ล้านบาท พร้อมตัดขายสินทรัพย์อีก 3,000 ล้านบาท ล่าสุด ขยายธุรกิจให้เช่าสำนักงาน ตั้งเป้ามีพื้นที่ให้เช่า 1 แสน ตร.ม.ภายใน 3 ปี ขณะที่พื้นที่คลังสินค้าปีนี้ลงทุนเพิ่มอีก 2 แสน ตร.ม.
นายสมยศ อนันตประยูร กรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์นี้บริษัทมั่นใจว่าการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) โดยสมัครใจจะแล้วเสร็จ โดยบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถเข้าซื้อหุ้นได้ 60% ของจำนวนหุ้นเหมราชฯ ทั้งหมดที่ 9.7 พันล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 4.50 บาท และสามารถเข้าไปนั่งเป็นคณะกรรมการบริหารได้ในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ หากบริษัทซื้อหุ้นถึง 60% ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ จะใช้เงินประมาณ 26,000 ล้านบาท สำหรับเม็ดเงินที่นำมาซื้อหุ้นของเหมราชนั้นได้มาจากการเพิ่มทุนใน WHAจำนวน 9,000 ล้านบาท เม็ดเงินที่เหลือมาจากการขอสินเชื่อจากธนาคารประมาณ 17,000 ล้านบาท
ภายหลังจากซื้อหุ้นสำเร็จจะทำการขายสินทรัพย์ของเหมราชที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก ได้แก่ ที่ดินบนเกาะล้าน จ.ชลบุรี และพื้นที่บางชั้นของตึก UN มูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท ส่วนธุรกิจอื่น เช่น โรงงานไฟฟ้า ยังคงเก็บไว้เนื่องจากมีแนวโน้มการเติบโต และถือเป็นการสร้างความมั่นคงให้แก่นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งคาดว่าจะการลงทุนในเหมราชฯ ครั้งนี้จะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 2 ปีข้างหน้า
ปัจจุบัน เหมราชมีที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม จำนวน 11,000 ไร่ เพื่อรอขาย ขณะที่WHA มีประมาณ 1,400 ไร่ ซึ่งการเข้าควบรวมกิจการกับเหมราชจะทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) จะแตะ 100,000 ล้านบาท ตามแผนขยายธุรกิจของบริษัท ทั้งการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนฯ การขายที่ดินเปล่าบนเกาะล้าน และรายได้หลักที่จะเติบโตขึ้นจากการควบรวมกิจการครั้งนี้ จากปัจจุบันที่มีมาร์เกตแคป 33,400 ล้านบาท
รุกธุรกิจให้เช่าสำนักงาน
นายสมยศ กล่าวต่อว่า บริษัทได้แตกไลน์การทำธุรกิจ โดยรุกตลาดอาคารสำนักงานให้เช่า ทั้งที่ก่อสร้างใหม่ และซื้ออาคารจากเจ้าของเดิม ล่าสุด ซื้อโครงการเอสเจ อินฟินิท วัน บิสซิเนส คอมเพล็กซ์ ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน-วิภาวดี ใกล้ 5 แยกลาดพร้าว ในราคา 2,050 ล้านบาท เนื่องจากเห็นว่าธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่ามีศักยภาพเติบโตสูง ทั้งผู้เช่าใน และต่างประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยคาดว่าภายในปีนี้จะมีผู้เช่าระดับชั้นนำเข้ามา 80% จากปัจจุบันที่มีผู้เช่าแล้ว 50% ของพื้นที่ทั้งหมด 21,500 ตารางเมตร
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างก่อสร้างอาคารสำนักงานให้เช่าเฟส 2 ภายใต้ชื่อ SJ Infinite 2 พื้นที่รวม 34,000 ตารางเมตร มูลค่า 3,000-3,500 ล้านบาท ย่านถนนบางนา-ตราด หลังจากได้ก่อสร้างอาคารในเฟสแรกขนาด 10,000 ตารางเมตรแล้วเสร็จ และมีผู้เช่าแล้ว 70% คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี ซึ่งกลุ่มผู้เช่าหลักของอาคารสำนักงานแห่งใหม่นี้ คาดว่าจะเป็นลูกค้าที่อยู่ในภาคการผลิต ที่มีโรงงานผลิตบริเวณนิคมอุตสาหกรรมตะวันออกเป็นหลัก
บริษัทมีแผนขยายอาคารสำนักงานให้เช่าอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการก่อสร้างอาคารแห่งใหม่ รวมถึงการเข้าซื้ออาคารที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว โดยอิงกับที่ตั้งบนทำเลที่เหมาะสม และสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายจะเพิ่มพื้นที่ออฟฟิศให้เช่าเป็น 100,000 ตารางเมตร ภายใน 3 ปี หรือภายในปี 60 จากปัจจุบันที่มีพื้นที่ให้เช่าแล้วกว่า 30,000 ตารางเมตร ส่วนพื้นที่คลังสินค้าให้เช่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่อีก 2 แสนตารางเมตร จากปัจจุบันมีอยู่ 1.2 ล้านตารางเมตร
“การสร้างอาคารสำนักงานในแต่ละแห่งจะขึ้นอยู่กับกลุ่มผู้เช่าหลัก โดยต้องมีลูกค้าแสดงความจำนงที่จะเช่าเกินกว่า 40- 50% จึงจะลงมือก่อสร้าง หรือขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง นอกจากนี้ ยังรับสร้างสำนักงานให้อีกด้วยโดยต้องมีพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 5,000 ตาราเมตร ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างหลายโครงการแห่ง เช่น พระราม 2 ลาดกระบัง ชลบุรี ระยอง และแหลมฉบัง เป็นต้น ” นายสมยศ กล่าว
นายแพทย์สมยศ กล่าวว่า ภายหลังซื้อเหมราชสำเร็จบริษัทคาดว่าจะมีรายได้และกำไรในปี 58 จะเติบโตกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 5,057.69 ล้านบาท และกำไร 978.62 ล้านบาท
จ่อขนสินทรัพย์เหมราชตั้ง REIT 2 กองค่า 1.5 หมื่นล้าน
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนนำสินทรัพย์ขายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT)เดิม และจัดตั้งกองใหม่ในปีนี้ มูลค่ารวมราว 13,500 ล้านบาท ได้แก่ สินทรัพย์ของ HEMRAJ ซึ่งจะจัดตั้งกอง REIT ใหม่มูลค่า 7,500 ล้านบาท, ตั้งกอง REIT ที่มีสำนักงานออฟฟิศให้เช่า SJ infinite I และสำนักงานให้เช่าย่านบางนา พื้นที่รวมกว่า 3,000 ตารางเมตร เป็นสินทรัพย์อ้างอิง มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะจัดตั้งได้ภายในไตรมาส 3/58 และนำคลังสินค้าให้เช่าราว 1.7-1.8 แสนตารางเมตร ขายเข้ากอง REIT เดิมเพิ่มอีก มูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาทในช่วงไตรมาส 4/58 และในปี 59 จะจัดตั้งกอง REIT ที่มีสินทรัพย์ของ HEMRAJ เป็นสินทรัพย์อ้างอิงอีก 1 กอง มูลค่า 7,500 ล้านบาท
สำหรับการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มอาเซียนนั้น ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้างพื้นที่คลังสินค้าในประเทศอินโดนีเซีย มีพื้นที่ราว 2 หมื่นตารางเมตร และอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าไปสร้างคลังสินค้าในประเทศกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปีนี้ และจะเริ่มก่อสร้างได้ในปีหน้า โดยบริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มพื้นที่คลังสินค้าในกลุ่มประเทศอาเซียนไม่น้อยกว่า 1 แสนตารางเมตร ภายใน 3 ปี