ASTVผู้จัดการรายวัน - กลุ่มUVเปิดแผนธุรกิจปี 58 เปิด 16 โครงการใหม่ มูลค่า 1.63 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นGOLDจำนวน 11 โครงการ, K LAND 2 โครงการ แกรนด์ยูฯ 3 โครงการ ตั้งเป้ากวาดรายได้ 15,000 ล้านบาท โต 50%คาดตั้งกองREITไตรมาส 2 ปีนี้ แจงปี 57 กำไร 395 ล้านบาท รายได้ 9,625 ล้านบาท
นายวรวรรต ศรีสอ้าน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือUVเปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปี 2558 ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวม 15,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 50% จากปี 2557 ที่มีรายได้รวม 9,625 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายประมาณ 12,000 ล้านบาท คิดเป็น 80% โดยมาจากโครงการแนวสูง 5,000 ล้านบาท และมาจากโครงการแนวราบ 7,000 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าประมาณ 1,500 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 10% ของรายได้ และธุรกิจสังกะสีออกไซด์มีมูลค่า 1,400 ล้านบาท คิดเป็น 9% ของรายได้และธุรกิจอื่นๆ มูลค่า 100 ล้านบาท คิดเป็น 1% ของรายได้
ทั้งนี้หลังการควบรวมกิจการของ บริษัทแผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือGOLDซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ กับบริษัท กรุงเทพบ้านและที่ดิน จำกัด (มหาชน) หรือK LANDจะมีผลทำให้รายได้ของบริษัทฯ ในปี 2558จะเปลี่ยนเป็นมาจากโครงการแนวราบเป็นหลัก โดยแผนธุรกิจปีนี้บริษัทวางแผนเปิดโครงการแนวราบใหม่จำนวน 13 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 1.28 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นของGOLDจำนวน 11 โครงการ และK LANDจำนวน 2 โครงการ
ส่วนบริษัทแกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์จำกัดซึ่งเป็นบริษัทในเครือพัฒนาโครงการแนวสูงวางแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์“ยู ดีไลท์และคอนโด ยู”3 โครงการ มูลค่าไม่น้อยกว่า 3,500 ล้านบาท โดยยังคงมุ่งพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมที่โดดเด่นด้วยทำเลที่ตั้งตามแนวคมนาคมหลักเช่นเดิม การออกแบบห้องชุดให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่มาพร้อมราคาที่คุ้มค่าตรงใจลูกค้า จึงมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้นเมื่อรวมรายได้จากแนวสูงและแนวราบบริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถขยายการเติบโตของธุรกิจ และทำรายได้ตามเป้าที่วางไว้ได้
ส่วนความคืบหน้าของการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT คาดว่าจะเสนอขายหน่วยลงทุนได้ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2558 มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 8,200 ล้านบาท โดยสินทรัพย์ในการจัดตั้งกองทุนนี้คือ โครงการสาทร สแควร์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 5,500 ล้านบาท และอาคารปาร์คเวนเจอร์-ดิ อีโคเพล็กซ์ออน วิทยุ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 2,700 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2557 มีรายได้รวม 9,625 ล้านบาท เกินเป้าหมายที่วางไว้เดิมที่ 9,000 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัท 395 ล้านบาท ซึ่งเติบโตกว่า 125% จากปี 2556 โดยมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 6,486 ล้านบาท คิดเป็น 67% ของรายได้ โดยปี 2557 บริษัทรับรู้รายได้จากโครงการแนวสูง 3,414 ล้านบาท จาก 6 โครงการ คือโครงการ ยู ดีไลท์ 3 ประชาชื่น-บางซื่อ,โครงการ ยู ดีไลท์เรสซิเดนซ์ พัฒนาการ-ทองหล่อ,โครงการ ยู ดีไลท์@หัวหมาก สเตชั่น,โครงการ ยู ดีไลท์รัตนาธิเบศร์,โครงการคอนโด ยู วิภา-ลาดพร้าวและโครงการคอนโด ยู รัชโยธิน
นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้จาก อสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่าในปี 2557 สร้างรายได้รวม 1,273 ล้านบาท คือเป็น 13%ของรายได้ โดย ค่าเช่าหลักมาจากอาคารสำนักงานเกรดเอ ปาร์คเวนเจอร์-ดิ อีโคเพล็กซ์ออน วิทยุ จำนวน 313 ล้านบาท มีอัตราการเช่าเต็ม 100% ของพื้นที่ให้เช่า และมาจากโครงการสาทร สแควร์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์ 515 ล้านบาท ที่มีอัตราการเช่าที่ดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
และรายได้จากกลุ่มธุรกิจสังกะสีออกไซด์ 1,243 ล้านบาท คิดเป็น 13% ของรายได้ ซึ่งธุรกิจสังกะสีออกไซด์มีแนวโน้มตลาดยังคงไปได้ด้วยดี มีการขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศอินโดนีเซียจากตลาดเดิมที่สิงคโปร์และเวียดนาม ซึ่งบริษัทมีรายได้จากธุรกิจนี้ 1,243 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 1,056 ล้านบาท สอดคล้องกับปริมาณการขายเพิ่มขึ้นเป็น 17,309 ตัน จากจำนวน 16,727 ตันในปีก่อน
นายวรวรรต ศรีสอ้าน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือUVเปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปี 2558 ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวม 15,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 50% จากปี 2557 ที่มีรายได้รวม 9,625 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายประมาณ 12,000 ล้านบาท คิดเป็น 80% โดยมาจากโครงการแนวสูง 5,000 ล้านบาท และมาจากโครงการแนวราบ 7,000 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าประมาณ 1,500 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 10% ของรายได้ และธุรกิจสังกะสีออกไซด์มีมูลค่า 1,400 ล้านบาท คิดเป็น 9% ของรายได้และธุรกิจอื่นๆ มูลค่า 100 ล้านบาท คิดเป็น 1% ของรายได้
ทั้งนี้หลังการควบรวมกิจการของ บริษัทแผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือGOLDซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ กับบริษัท กรุงเทพบ้านและที่ดิน จำกัด (มหาชน) หรือK LANDจะมีผลทำให้รายได้ของบริษัทฯ ในปี 2558จะเปลี่ยนเป็นมาจากโครงการแนวราบเป็นหลัก โดยแผนธุรกิจปีนี้บริษัทวางแผนเปิดโครงการแนวราบใหม่จำนวน 13 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 1.28 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นของGOLDจำนวน 11 โครงการ และK LANDจำนวน 2 โครงการ
ส่วนบริษัทแกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์จำกัดซึ่งเป็นบริษัทในเครือพัฒนาโครงการแนวสูงวางแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์“ยู ดีไลท์และคอนโด ยู”3 โครงการ มูลค่าไม่น้อยกว่า 3,500 ล้านบาท โดยยังคงมุ่งพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมที่โดดเด่นด้วยทำเลที่ตั้งตามแนวคมนาคมหลักเช่นเดิม การออกแบบห้องชุดให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่มาพร้อมราคาที่คุ้มค่าตรงใจลูกค้า จึงมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้นเมื่อรวมรายได้จากแนวสูงและแนวราบบริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถขยายการเติบโตของธุรกิจ และทำรายได้ตามเป้าที่วางไว้ได้
ส่วนความคืบหน้าของการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT คาดว่าจะเสนอขายหน่วยลงทุนได้ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2558 มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 8,200 ล้านบาท โดยสินทรัพย์ในการจัดตั้งกองทุนนี้คือ โครงการสาทร สแควร์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 5,500 ล้านบาท และอาคารปาร์คเวนเจอร์-ดิ อีโคเพล็กซ์ออน วิทยุ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 2,700 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2557 มีรายได้รวม 9,625 ล้านบาท เกินเป้าหมายที่วางไว้เดิมที่ 9,000 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัท 395 ล้านบาท ซึ่งเติบโตกว่า 125% จากปี 2556 โดยมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 6,486 ล้านบาท คิดเป็น 67% ของรายได้ โดยปี 2557 บริษัทรับรู้รายได้จากโครงการแนวสูง 3,414 ล้านบาท จาก 6 โครงการ คือโครงการ ยู ดีไลท์ 3 ประชาชื่น-บางซื่อ,โครงการ ยู ดีไลท์เรสซิเดนซ์ พัฒนาการ-ทองหล่อ,โครงการ ยู ดีไลท์@หัวหมาก สเตชั่น,โครงการ ยู ดีไลท์รัตนาธิเบศร์,โครงการคอนโด ยู วิภา-ลาดพร้าวและโครงการคอนโด ยู รัชโยธิน
นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้จาก อสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่าในปี 2557 สร้างรายได้รวม 1,273 ล้านบาท คือเป็น 13%ของรายได้ โดย ค่าเช่าหลักมาจากอาคารสำนักงานเกรดเอ ปาร์คเวนเจอร์-ดิ อีโคเพล็กซ์ออน วิทยุ จำนวน 313 ล้านบาท มีอัตราการเช่าเต็ม 100% ของพื้นที่ให้เช่า และมาจากโครงการสาทร สแควร์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์ 515 ล้านบาท ที่มีอัตราการเช่าที่ดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
และรายได้จากกลุ่มธุรกิจสังกะสีออกไซด์ 1,243 ล้านบาท คิดเป็น 13% ของรายได้ ซึ่งธุรกิจสังกะสีออกไซด์มีแนวโน้มตลาดยังคงไปได้ด้วยดี มีการขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศอินโดนีเซียจากตลาดเดิมที่สิงคโปร์และเวียดนาม ซึ่งบริษัทมีรายได้จากธุรกิจนี้ 1,243 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 1,056 ล้านบาท สอดคล้องกับปริมาณการขายเพิ่มขึ้นเป็น 17,309 ตัน จากจำนวน 16,727 ตันในปีก่อน