ประธานบอร์ด เถ้าแก่น้อย เผยยื่นไฟลิ่งต่อ ก.ล.ต. และนับ 1 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เตรียมระดมทุนขายหุ้น IPO กว่า 90 ล้านหุ้น ตั้งเป้ารายได้หลังเข้าตลาดเติบโตไม่น้อยกว่า 15% พุ่งเป้าพลิกบริษัทเป็น Global Company มีรายได้แตะ 10,000 ล้านบาทใน 10 ปี
นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN กล่าวว่า บริษัทฯ เตรียมที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์โดยได้ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เรียบร้อยแล้ว โดย ก.ต.ล. ได้ทำการนับหนึ่งไฟฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้าระดมทุนในการขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไป หรือ IPO ในครั้งนี้จำนวน 90 ล้านหุ้น โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ในการขยายโรงงานใหม่ บนพื้นที่กว่า 19 ไร่ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ซึ่งใช้งบลงทุนไปแล้วกว่า 580 ล้านบาท สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ถึง 3,600 ตันต่อปี โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 2559 ทำให้กำลังการผลิตทั้งโรงงานใหม่และโรงงานเก่าเพิ่มขึ้นถึง 7,600 ตันต่อปี
ขณะที่ในส่วนของยอดขายปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยกำไรที่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 3 ปีหลังนั้น มาจากการที่บริษัทฯ ได้ทำการปรับปรุงระบบภายในใหม่ให้เป็นโครงสร้างที่เป็นระบบเดียวกัน และใช้เครื่องจักรรุ่นใหม่ทำให้สามารถลดต้นทุนและเพิ่มกำลังการผลิตได้มากขึ้น สามารถเพิ่มผลิตสินค้าได้รวดเร็วเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้หลังจากที่เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว จะสามารถสร้างรายได้ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 10 ปี โดยจะขยายตลาดไปยังต่างประเทศเพิ่มเติมจากที่มีอยู่ในปัจจุบันกว่า 35 ประเทศทั่วโลก ซึ่งจะยังคงเน้นกลุ่มประเทศเอเซียเป็นหลัก ซึ่งบริษัทฯ จะเน้นการทำตลาดเชิงรุกด้วยการคัดเลือกผู้ขาย และผลิตสินค้ารูปแบบใหม่ๆ ให้สอดคล้องต่อความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละประเทศเป็นหลัก
“ในอนาคต บริษัทฯ คาดว่า สัดส่วนยอดขายในต่างประเทศจะปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ประมาณ 50:50 โดยเฉพาะในประเทศจีนซึ่งมีสัดส่วนการขายในต่างประเทศปัจจุบันอยู่ที่ 13% และในประเทศอินโดนีเซียที่ 8% จากสัดส่วนการขายต่างประเทศทั้งหมดในขณะนี้ ซึ่งการที่บริษัทฯ จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้ เพื่อที่จะให้บริษัทสามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดดเป็น Global Company มีความเป็นสากล”
ทั้งนี้ในส่วนของหนี้สินต่อทุน หรือ D/E ของบริษัทฯ ในขณะนี้อยู่ที่ 2.62 เท่า ซึ่งคาดว่าหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นแล้วหนี้สินต่อทุนจะลดลงมาอยู่ที่ 1.3-1.4 เท่า โดยจะนำเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการระดมทุนไปชำระหนี้สถาบันซึ่งมีอยู่กว่า 300 ล้านบาท
ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในปีนี้ แม้จะกระทบต่อกำลังซื้อที่หดตัวลง แต่ทางบริษัทฯ เชื่อว่าภาคการท่องเที่ยวและตลาดออนไลน์ที่ยังเติบโต จะยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้ยอดขายของเถ้าแก่น้อยในปี 2558 สามารถเติบโตได้ตามเป้าไม่น้อยกว่า 15%