บมจ.เอ็ม.ซี.เอส สตีล ดีลงานใหม่เพิ่ม 1 แสนตัน จากเดิมที่มีงานในมือ 1.5 แสนตัน ซึ่งไม่รวมงาน Olympic ในปี 2563 ประธานบอร์ดเผยตั้งเป้าส่งออกปีนี้ 40,000-45,000 ตัน และเตรียมประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง
นายไนยวน ชิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็ม.ซี.เอส สตีล (MCS) ผู้ผลิตและจำหน่ายโครงสร้างเหล็กชั้นนำในประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 2/2558 มีการเติบโตต่อเนื่อง เมื่อเทียบจากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีรายได้จากการขายเพียง 47 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 18.7 ล้านบาท โดยมีการส่งออกเพียง 720 ตัน ซึ่งคาดว่า ในไตรมาส 2/2558 จะสามารถส่งออกได้มากกว่างวดเดียวกันของปีก่อน ล่าสุด บริษัทฯ ได้งานใหม่เพิ่มเข้ามาอีก 100,000 ตัน ส่งผลให้มีงานรับรู้เป็นรายได้ต่อเนื่องไปถึงปี 2562 จากเดิมที่มีงานในมืออยู่แล้ว 150,000 ตัน รับรู้รายได้ถึงปี 2560 โดยงานดังกล่าวข้างต้นยังไม่รวมงาน Olympic ในปี 2563 ที่บริษัทฯ จะเข้าร่วมประมูลงานอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 240,000 เยน/ตัน ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบจากปีก่อน ในขณะที่ราคาเหล็กจะอยู่ที่ 80,000-100,000 เยน/ตัน ถือว่าทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน และการส่งมอบงานบางโครงการที่มีความยากของงาน ทำให้มีราคาขายที่สูงกว่าราคาขายปกติ โดยปีนี้คาดว่าในส่วนของ MCS ประเทศไทย คาดว่าจะส่งออกประมาณ 40,000-45,000 ตัน
“เรามองว่าปีนี้จะเป็นปีที่สดใสของ MCS จากความต้องการใช้เหล็กที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่น ซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของบริษัทที่มีความต้องการสูงถึง 5 ล้านกว่าตันต่อปี ซึ่งกำลังการผลิตที่บริษัททำอยู่ในปัจจุบันยังไม่ถึง 1% ของกำลังการผลิตโดยรวม”
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตที่โรงงานที่ จ.อยุธยา ประมาณ 70,000 ตันต่อปี โดยในปีนี้คาดว่าจะใช้กำลังการผลิตโดยรวมประมาณ 40,000-45,000 ตัน ซึ่งบริษัทฯ จะต้องสำรองไว้ในส่วนของการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมของลูกค้าอีกประมาณ 10,000 ตันต่อปี
ขณะที่แผนการขยายการลงทุนนั้น นายไนยวน ชิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยปกติแล้วทางบริษัทฯ จะตั้งงบประมาณเรื่องการลงทุนปรับปรุงโรงงาน หรือต่อเติมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเครื่องจักรใหม่เพื่อเพิ่มการผลิต การขยายโรงงานเพิ่มเติม โดยใช้งบประมาณแต่ละปีไม่น้อยกว่าค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ของบริษัทฯ โดยในปีนี้คาดว่าจะใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 70 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมในส่วนของการลงทุนในต่างประเทศ ส่วนการป้องกันความเสี่ยงเรื่องค่าเงินเยนที่มีการอ่อนตัวนั้น ที่ผ่านมา บริษัทมีการสั่งซื้อเหล็กซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักเป็นสกุลเงินเยนอยู่แล้ว จึงทำให้บริษัทฯ สามารถควบคุมต้นทุนการดำเนินการในส่วนนี้ได้พอสมควร
ดังนั้น มั่นใจว่าผลการดำเนินของบริษัทฯ ในปี 2558 น่าจะมีการเติบโต และคาดว่ารายได้จะได้ตามเป้าที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านเยน จากมูลค่างานในมือที่มีอยู่ 2.5 แสนตัน และยังมีแผนที่จะเข้าประมูลงานใหม่ๆ มูลค่าสูงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะงานโครงการขนาดใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น