xs
xsm
sm
md
lg

ทีเอ็มบีกำไรไตรมาส 2 เพิ่มร้อยละ 38

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ทีเอ็มบี แจ้งกำไรไตรมาส 2 เพิ่ม 38% หลังกันสำรองลดลง รายได้ดอกเบี้ย-มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่ม ขณะที่งวด 6 เดือนกำไรลด 6.7% ผลจากกันสำรองที่สูงในไตรมาสแรก ส่วนเอ็นพีแอลยังเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลง ครึ่งปีหลังยังเดินหน้าต่ออย่างระมัดระวัง

ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (ทีเอ็มบี) ประกาศผลการดำเนินงาน สำหรับงวด 6 เดือน ของปี 2558 ธนาคาร และบริษัทย่อยมีผลกำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรอง จำนวน 8,605 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เมื่อหักสำรองแล้วกำไรสุทธิมี จำนวน 3,897 ล้านบาท ลดลง 6.7% ส่วนในไตรมาส 2 ธนาคารฯ มีผลกำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรอง จำนวน 4,286 ล้านบาท ซึ่งทรงตัวจากไตรมาสที่ 1 และมีกำไรสุทธิจำนวน 2,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% เนื่องจากสำรองที่ลดลงหลังตั้งสำรองสูงในไตรมาสที่แล้ว

นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี กล่าวว่า จากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อคุณภาพ และการบริหารต้นทุนเงินฝากที่ดี ทำให้ครึ่งปีแรกของปี 2558 นี้ ธนาคารมีส่วนต่างดอกเบี้ยรับ (Net Interest Margin - NIM) เพิ่มขึ้น 21bp เป็น 3.04% จาก 2.83% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 11% อีกทั้งสืบเนื่องจากการที่ธนาคารให้ความสำคัญต่อการให้บริการลูกค้าและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้ดี ทำให้รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 29% โดยเกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเป็นหลัก ซึ่งเพิ่มขึ้น 49% ส่วนใหญ่มาจากการขยายตัวของค่าธรรมเนียมจากการขายกองทุนรวม ซึ่งธนาคารมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รวมถึงการขายผลิตภัณฑ์แบงก์แอสชัวรันส์ที่เติบโตได้ดี

ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเพียง 3% ในขณะที่รายได้รวมเพิ่ม 16% ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ปรับตัวดีขึ้นเป็น 47% จาก 53% และทำให้กำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรองในงวดครึ่งปีแรกมี จำนวน 8,605 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้ว 30%

ณ สิ้นเดือนมิถุนายน สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio) ของธนาคารอยู่ที่ 3.09% และสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) มีจำนวน 20,055 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2 เป็นจำนวน 865 ล้านบาท หรือ 4% เทียบกับการเพิ่มขึ้น จำนวน 1,097 ล้านบาทหรือ 6% ในไตรมาสที่แล้ว โดยในครึ่งปีแรกนี้ธนาคารตั้งสำรอง จำนวน 3,736 ล้านบาท ซึ่งสูงจากปีที่แล้ว 154% เพื่อรองรับสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงมากขึ้น ทำให้ในครึ่งปีแรกธนาคารมีกำไรสุทธิ จำนวน 3,897 ล้านบาท ลดลง 6.7% และยังคงความแข็งแกร่งของสัดส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ที่ 146%

ในไตรมาสที่ 2 นี้ ธนาคารฯ มีเงินฝากเพิ่ม 2.0% ขณะที่สินเชื่อคุณภาพเพิ่มขึ้น 2.1% จากไตรมาสที่แล้ว กำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรองมี จำนวน 4,286 ล้านบาท ซึ่งทรงตัวจากไตรมาสที่ 1 อย่างไรก็ตาม ธนาคารตั้งสำรองลดลงเป็น 1,348 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 1 ที่ผ่านมานั้น ธนาคารได้ตั้งสำรองสูงเป็นพิเศษเพื่อรองรับความเสี่ยงเป็น จำนวน 2,387 ล้านบาท ทั้งนี้ ทำให้ธนาคารมีกำไรสุทธิในไตรมาส 2 จำนวน 2,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% จากไตรมาสที่แล้ว

นอกจากนี้ ธนาคารยังคงดำรงสถานะกองทุนที่แข็งแกร่ง โดยมีระดับความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) ภายใต้เกณฑ์ Basel III อยู่ที่ 17.0% ซึ่งเป็นกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ในสัดส่วน 11.3% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน

นายบุญทักษ์ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ในครึ่งปีหลังธนาคารจะยังคงดำเนินงานอย่างระมัดระวัง และดูแลคุณภาพสินทรัพย์อย่างใกล้ชิด เพื่อผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นที่ยั่งยืน ทั้งนี้ ธนาคารมีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณท์และบริการใหม่ๆ ออกสู่ตลาด เพื่อเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม และนำเสนอบริการที่ดีเลิศให้แก่ลูกค้า พร้อมกับการเพิ่มประสิทธิของการดำเนินงานเพื่อให้ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กำลังโหลดความคิดเห็น