xs
xsm
sm
md
lg

ทีเอ็มบี กำไรครึ่งปีแรกโต 9%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (ทีเอ็มบี) แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2 และงวด 6 เดือน ปี 2559 โดยธนาคาร และบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรองฯ สำหรับงวด 6 เดือน จำนวน 9,022 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้ว โดยธนาคารยังคงตั้งสำรองฯ อย่างระมัดระวังที่ระดับค่อนข้างสูงเป็นจำนวน 3,875 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 4% และรักษาความแข็งแกร่งของสัดส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ที่ 143% ทั้งนี้ หลังสำรอง ธนาคารฯ มีกำไรสุทธิที่ 4,243 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ของปี 2559 มีจำนวน 2,150 ล้านบาท ลดลง 109 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี กล่าวว่า ใน 6 เดือนแรกของปี 2559 นี้ ผลการดำเนินงานของธนาคารยังคงดีขึ้น โดยมีสินเชื่อเพิ่มขึ้น 2% จากสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลัก อันเป็นผลจากการที่ธนาคารปรับปรุงกระบวนการนำเสนอสินเชื่อให้มีความรวดเร็ว และถูกต้องตอบโจทย์ลูกค้าได้ดี ทำให้ลูกค้าสนใจใช้ผลิตภัณฑ์ของธนาคารมากขึ้น ในขณะที่เงินฝากลดลงเล็กน้อย 0.5% โดยหลักมาจากการบริหารสัดส่วนของเงินฝากให้สอดคล้องกับการเติบโตของสินเชื่อ โดยสัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ 92% ในขณะที่เงินฝากลูกค้าบุคคลยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ 3% อีกทั้งธนาคารยังประสบความสำเร็จในการขยายเงินฝากธุรกรรมทางการเงินจากฐานเงินฝากลูกค้าบุคคล โดยเงินฝาก All Free ยังเติบโตได้ดีโดยเพิ่มขึ้น 63% จากปลายปีที่แล้ว

ทั้งนี้ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิในงวด 6 เดือน เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้ว แต่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงเล็กน้อย 2% ส่วนใหญ่มาจากการลดลงของรายได้ธุรกรรมตลาดทุนจากผลกระทบของความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยตราสารหนี้ในไตรมาส 2 และการลดลงของค่าธรรมเนียมสินเชื่อ ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานมีจำนวน 7,801 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเพียง 1% ซึ่งเป็นผลจากการที่ธนาคารให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธนาคารมีกำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรองฯในงวด 6 เดือนที่ 9,022 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้ว โดยในไตรมาส 2 ธนาคารมีกำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรองฯ ที่ 4,451 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 3% จากไตรมาสที่แล้ว

ด้านคุณภาพสินทรัพย์ แม้ว่ามีสัญญาณที่ดีขึ้นของสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) แต่การแก้ไขหนี้เป็นไปค่อนข้างช้า ดังนั้น จากการที่ธนาคารตั้งสำรองอย่างระมัดระวังมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธนาคารตัดสินใจตัดบัญชีหนี้สูญ (Write off) เพิ่มเติมสำหรับ NPL ที่มีการกันสำรอง 100% จำนวน 2,900 ล้านบาท และขาย NPL จำนวน 167 ล้านบาทในไตรมาสที่ 2 นี้ ทำให้ NPL ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ลดลงเป็น 19,779 ล้านบาท และทำให้สัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อลดลงจากปลายปีแล้วที่ 2.99% มาอยู่ที่ 2.87% ขณะที่สัดส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ดีขึ้นเป็น 143%

อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงตั้งสำรองอย่างระมัดระวัง โดยตั้งสำรองในระดับสูงที่จำนวน 1,998 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2 รวมเป็น 3,875 ล้านบาท ในงวด 6 เดือน ซึ่งเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่แล้ว โดยหลังตั้งสำรองฯ ธนาคารมีกำไรสุทธิในไตรมาส 2 จำนวน 2,151 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน และ 4,243 ล้านบาทในงวด 6 เดือน เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้ว

“ผลการดำเนินงานของธนาคารยังปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเกิดจากความพยายามในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง อีกทั้งธนาคารยังมีแผนต่อเนื่องที่จะนำเสนอดิจิตอลแบงกิ้ง ที่จะช่วยให้ลูกค้าได้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ นอกจากนี้ ในด้านการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ ธนาคารคงความระมัดระวัง และให้ความสำคัญในการรักษาคุณภาพสินทรัพย์ และสัดส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพให้อยู่ในระดับแข็งแกร่ง เพื่อความมั่นคง และการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป”
กำลังโหลดความคิดเห็น