ทีเอ็มบี แจ้งกำไรไตรมาสแรก 2.09 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ผลจากการตั้งสำรองฯ เพิ่มเป็น 1,877 ล้านบาท จากเดิม 923 ล้านบาท ขณะที่เอ็นพีแอลยังเพิ่มเล็กน้อยเป็น 3.11%
ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) แจ้งกำไรสุทธิไตรมาสแรกปี 2559 จำนวน 2.09 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 455 ล้านบาท หรือคิดเป็น 27.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปี 2558 ที่ 2.62 พันล้านบาทแล้ว ลดลง 20% ซึ่งเป็นผลมาจากธนาคารตั้งสำรองฯ เพิ่มขึ้นจาก 923 ล้านบาท เป็น 1,877 ล้านบาท
ทั้งนี้ ธนาคารยังคงดำเนินการตั้งสำรองฯ อย่างระมัดระวัง และตั้งสำรองฯ เป็นจำนวน 1,877 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปี 59 เพิ่มขึ้นจาก 923 ล้านบาท ในไตรมาส 4 ปี 58 แต่ลดลงจาก 2,387 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 58 และด้วยการตั้งสำรองฯ อย่างระมัดระวัง ธนาคารจึงยังคงสามารถรักษาระดับอัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพได้ในระดับแข็งแกร่งที่ 140%
ด้านสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) มีจำนวน 21,452 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% จากสิ้นปีที่แล้ว สอดคล้องต่อสภาพเศรษฐกิจ ทำให้อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 3.11% อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มความสามารถในการเติบโตรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย พร้อมกับการขยายสินเชื่ออย่างระมัดระวังโดยพิจารณาจาก Risk-adjusted return ขณะเดียวกัน คุณภาพสินทรัพย์ยังคงเป็นสิ่งที่ธนาคารให้ความสำคัญพร้อมกับการรักษาระดับอัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ และระดับเงินกองทุนให้อยู่ในระดับสูงต่อไป
ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) แจ้งกำไรสุทธิไตรมาสแรกปี 2559 จำนวน 2.09 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 455 ล้านบาท หรือคิดเป็น 27.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปี 2558 ที่ 2.62 พันล้านบาทแล้ว ลดลง 20% ซึ่งเป็นผลมาจากธนาคารตั้งสำรองฯ เพิ่มขึ้นจาก 923 ล้านบาท เป็น 1,877 ล้านบาท
ทั้งนี้ ธนาคารยังคงดำเนินการตั้งสำรองฯ อย่างระมัดระวัง และตั้งสำรองฯ เป็นจำนวน 1,877 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปี 59 เพิ่มขึ้นจาก 923 ล้านบาท ในไตรมาส 4 ปี 58 แต่ลดลงจาก 2,387 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 58 และด้วยการตั้งสำรองฯ อย่างระมัดระวัง ธนาคารจึงยังคงสามารถรักษาระดับอัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพได้ในระดับแข็งแกร่งที่ 140%
ด้านสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) มีจำนวน 21,452 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% จากสิ้นปีที่แล้ว สอดคล้องต่อสภาพเศรษฐกิจ ทำให้อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 3.11% อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มความสามารถในการเติบโตรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย พร้อมกับการขยายสินเชื่ออย่างระมัดระวังโดยพิจารณาจาก Risk-adjusted return ขณะเดียวกัน คุณภาพสินทรัพย์ยังคงเป็นสิ่งที่ธนาคารให้ความสำคัญพร้อมกับการรักษาระดับอัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ และระดับเงินกองทุนให้อยู่ในระดับสูงต่อไป