xs
xsm
sm
md
lg

พิษ ศก. บอนด์ไทยครึ่งปีโตแค่ 3% เม็ดเงินต่างชาติไหลออก 5.8 หมื่นล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ThaiBMA เผยปัจจัยเศรษฐกิจไทย และต่างประเทศยังกระทบตลาดบอนด์ไทย ครึ่งปีแรกเติบโต 3% เงินทุนต่างชาติไหลออก 58,818 บาท ขณะที่บอนด์ยิลด์ระยะสั้นปรับตัวลงตาม มองไม่น่าจะลดดอกเบี้ยลงอีก ชี้ตลาดจีนมองไม่เห็นฟองสบู่ที่จะกระทบตลาดไทย

นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการสมาคมตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558 มีมูลค่าคงค้างของตลาดอยู่ที่ 9.62 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่ผ่านมา 3.6% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในตราสารหนี้ภาครัฐ 76% และภาคเอกชน 24% โดยการออกตราสารหนี้ระยะยาวของภาคเอกชนในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 235,013 ล้านบาท ลดลง 21% จากช่วงเดียวกันของปีกอ่น แต่พบว่ามีจำนวนผู้ออกสูงถึง 81 บริษัท เพิ่มขึ้น 45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มที่อุตสาหกรรมที่ออกมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ส่วนตราสารหนี้ระยะสั้นมีการออกในช่วงครึ่งปีแรก 404,540 ล้านบาท จากจำนวนผู้ออกรวม 143 บริษัท ซึ่งเป็นผู้ออกรายใหม่ 30 บริษัท และคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีผู้ออกตราสารหนี้เอกชนเป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้ที่ 520,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกมีเงินทุนจากต่างประเทศไหลออกไปจากตลาดตราสารหนี้ไทย 58,818 ล้านบาท จากสิ้นปีซึ่งมีอยู่ที่ 684,236 ล้านบาท โดยเป็นการไหลออกจากตราสารหนี้ระยะสั้น 44,559 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขายสุทธิ 1,851 ล้านบาท และเป็นการหมดอายุของตราสารหนี้ที่ถือครอง 42,708 ล้านบาท และเงินไหลออกในตราสารหนี้ระยะยาว 14,259 ล้านบาท ในส่วนของตราสารหนี้ระยะสั้นที่ครบอายุไปนั้น ต่างชาติยังไม่กลับเข้ามาซื้อใหม่เพราะมองสินทรัพย์ทั่วโลกที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ดังนั้น ในช่วงที่เหลือของปีนี้ในส่วนของตราสารหนี้ระยะสั้นน่าจะมีการออกไปอีก ขณะที่การถือครองของตราสารหนี้รัฐบาลลดลง จาก 624,843 ล้านบาท เหลือ 589,024 ล้านบาท ส่วนการถือครองของตราสารหนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย ลดลง 58,022 ล้านบาท เหลือ 35,106 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการลดการถือครองตราสารหนี้ทั่วโลกจากความกังวลในเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน นักลงทุนต่างชาติถือครองสารหนี้ไทยรวมมูลค่า 625,445 ล้านบาท ซึ่ง 92% เป็นการถือครองในพันธบัตรระยะยาว

“ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยนั้นมีการปรับลดลงในพันธบัตรระยสั้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และการลดอัตราดอกเบี้ยลง แต่ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นในพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว และมีแนวโน้มที่จะเป็นในลักษณะนี้ต่อไป สำหรับแนวโน้มของตลาดตรสารหนี้ไทยในช่วงต่อไปนั้น คาดว่าบริษัทเอกชนจะระดมทุนผ่านการออกตราสารหนี้มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มบริษัทขนาดกลาง และขนาดย่อม เนื่องจากดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ส่วนทิศทางของอัตราผลตอบแทนในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่า ผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นจะทรงตัว หรือปรับลงได้อีก หากเศรษฐกิจชะชอตัว ส่วนผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาวมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นจากความผันผวนของสถานการณ์การเงินในต่างประเทศ”

นายธาดา กล่าวว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ นั้นน่าจะเป็นการขึ้นอย่างช้า และไม่รุนแรงเพราะต้องดูเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ควบคู่กันไป รวมทั้งค่าเงินดอลลาร์ที่จะแข็งค่าขึ้นตาม ในส่วนของประเทศไทยมองว่าอัตราดอกเบี้ยไม่น่าจะปรับลดลงอีก ขณะที่ตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย เพราะขณะนี้ยังไม่เห็นในเรื่องปัญหาฟองสบู่แต่อย่างใด รวมถึงเรื่องปัญหาของประเทศกรีซที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น แต่ไม่กระทบต่อตลาดตราสารหนี้ไทยแต่อย่างใด
กำลังโหลดความคิดเห็น