xs
xsm
sm
md
lg

ปัจจัย ศก.กระทบตลาดบอนด์ไทย ครึ่งปีโต 9% ต่างชาติเอาเงินออก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ThaiBMA เผยปัจจัยเศรษฐกิจไทยและต่างประเทศยังกระทบตลาดบอนด์ไทย ครึ่งปีแรกเติบโต 9.62% เงินทุนต่างชาติไหลออก 58,818 บาท ขณะที่บอนด์ยิลด์ระยะสั้นปรับตัวลงตาม มองไม่น่าจะลดดอกเบี้ยลงอีก ชี้ตลาดจีนมองไม่เห็นฟองสบู่ที่จะกระทบตลาดไทย

นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการสมาคมตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558 มูลค่าคงค้างของตลาดโดยรวมเท่ากับ 9.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่ผ่านมา 3.6% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในตราสารหนี้ภาครัฐ 76% และภาคเอกชน 24% โดยการออกตราสารหนี้ระยะยาวของภาคเอกชนในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 235,013 ล้านบาท ลดลง 21% จากช่วงเดียวกันของปีกอ่น แต่พบว่ามีจำนวนผู้ออกสูงถึง 81 บริษัท เพิ่มขึ้น 45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มที่อุตสาหกรรมที่ออกมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ส่วนตราสารหนี้ระยะสั้นมีการออกในช่วงครึ่งปีแรก 404,540 ล้านบาท จากจำนวนผู้ออกรวม 143 บริษัท ซึ่งเป็นผู้ออกรายใหม่ 30 บริษัท และคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีผู้ออกตราสารหนี้เอกชนเป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้ที่ 520,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกมีเงินทุนจากต่างประเทศไหลออกไปจากตลาดตราสารหนี้ไทย 58,818 ล้านบาท จากสิ้นปีซึ่งมีอยู่ที่ 684,236 ล้านบาท โดยเป็นการไหลออกจากตราสารหนี้ระยะสั้น 44,559 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขายสุทธิ 1,851 ล้านบาท และเป็นการหมดอายุของตราสารหนี้ที่ถือครอง 42,708 ล้านบาท และเงินไหลออกในตราสารหนี้ระยะยาว 14,259 ล้านบาท ในส่วนของตราสารหนี้ระยะสั้นที่ครบอายุไปนั้น ต่างชาติยังไม่กลับเข้ามาซื้อใหม่เพราะมองหาสินทรัพย์ทั่วโลกที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ดังนั้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ในส่วนของตราสารหนี้ระยะสั้นน่าจะมีการออกไปอีก ขณะที่การถือครองของตราสารหนี้รัฐบาลลดลงจาก 624,843 ล้านบาท เหลือ 589,024 ล้านบาท ส่วนการถือครองของตราสารหนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยลดลง 58,022 ล้านบาท เหลือ 35106 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการลดการถือครองตราสารหนี้ทั่วโลกจากความกังวลในเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน นักลงทุนต่างชาติถือครองสารหนี้ไทยรวมมูลค่า 625,445 ล้านบาท ซึ่ง 92% เป็นการถือครองในพันธบัตรระยะยาว

“ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยนั้น มีการปรับลดลงในพันธบัตรระยะสั้นเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการลดอัตราดอกเบี้ยลง แต่ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นในพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวและมีแนวโน้มที่จะเป็นในลักษณะนี้ต่อไป สำหรับแนวโน้มของตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงต่อไปนั้น คาดว่าบริษัทเอกชนจะระดมทุนผ่านการออกตราสารหนี้มากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม เนื่องจากดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ส่วนทิศทางของอัตราผลตอบแทนในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นจะทรงตัวหรือปรับลงได้อีกหากเศรษฐกิจชะลอตัว ส่วนผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาวมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นจากความผันผวนของสถานการณ์การเงินในต่างประเทศ”

นายธาดา กล่าวว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ นั้นน่าจะเป็นการขึ้นอย่างช้าและไม่รุนแรงเพราะต้องดูเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ควบคู่กันไป รวมทั้งค่าเงินดอลลาร์ที่จะแข็งค่าขึ้นตาม ในส่วนของประเทศไทยมองว่าอัตราดอกเบี้ยไม่น่าจะปรับลดลงอีก ขณะที่ตลาดหุ้นที่ปรับตัวลง ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย เพราะขณะนี้ยังไม่เห็นในเรื่องปัญหาฟองสบู่แต่อย่างใด รวมถึงเรื่องปัญหาของประเทศกรีซที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นแต่ไม่กระทบต่อตลาดตราสารหนี้ไทยแต่อย่างใด


กำลังโหลดความคิดเห็น