บลจ.กรุงไทยส่งกองทุนบอนด์สั้นไอพีโอ ชูผลตอบแทน 1.50% ต่อปี
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ (7-10 ก.ค.) บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ อายุโครงการ 3 เดือน ผลตอบแทนทั้ง 2 กองทุนประมาณ 1.50% ต่อปี
สำหรับกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 67 (KTFF67) เสนอขายในวันที่ 8-14 กรกฎาคม 2558 เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ China Construction Bank, Bank of China, MTN ที่ออกโดย Banco Santander (Brasil) S.A., MTN ที่ออกโดย BLADEX ในสัดส่วน 88% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารหนี้ในประเทศประเภทตั๋วแลกเงินของ บมจ.บัตรกรุงไทย โดยตราสารหนี้ต่างประเทศจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
ส่วนกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 3 เดือน 1 (KTSIV3M1) เสนอขายถึงวันที่ 10 กรกฎาคม 2558 เป็นการเปิดขายรอบใหม่ (Roll Over) เน้นลงทุนตราสารหนี้ของภาคเอกชน ประกอบด้วย บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง บมจ.บัตรกรุงไทย บมจ.หลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในสัดส่วน 66% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝาก บัตรเงินฝาก ตราสารหนี้ธนาคารพาณิชย์ ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศปรับตัวขึ้นลงในช่วงแคบๆ โดยตลาดตราสารหนี้ไทยตอบสนองต่อข่าวการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับตัวเลขเงินเฟ้อที่ติดลบเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน และเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวทำให้หลายๆ หน่วยงานเตรียมปรับลด GDP ลงอีกรอบและเริ่มมีกระแสคาดการณ์ถึงการลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีกรอบเช่นกัน
ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาค่อนข้างผันผวนตามปัจจัยที่เข้ามากระทบตลาดในแต่ละวัน ได้แก่ การผิดชำระหนี้ของกรีซ ตัวเลขการจ้างงานของ ADP และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐอเมริกา โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวลดลง -8 bps มาอยู่ที่ 0.64% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวลดลง -11 bps มาอยู่ที่ 1.64% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง -9 bps มาอยู่ที่ 2.40% ต่อปี
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้น่าจะเป็นเรื่องท่าทีของเจ้าหนี้ต่อกรีซหลังกรีซมีมติไม่รับมาตรการรัดเข็มขัดของเจ้าหนี้แต่เสนอให้มีการเจรจาต่อ โดยกรีซเสนอให้มีการลดหนี้ลง 30% และมีระยะเวลาปลอดชำระหนี้ 20 ปีเพิ่มเข้ามาในข้อตกลง ซึ่งอาจส่งผลต่อความผันผวนของตลาดและต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ (7-10 ก.ค.) บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ อายุโครงการ 3 เดือน ผลตอบแทนทั้ง 2 กองทุนประมาณ 1.50% ต่อปี
สำหรับกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 67 (KTFF67) เสนอขายในวันที่ 8-14 กรกฎาคม 2558 เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ China Construction Bank, Bank of China, MTN ที่ออกโดย Banco Santander (Brasil) S.A., MTN ที่ออกโดย BLADEX ในสัดส่วน 88% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารหนี้ในประเทศประเภทตั๋วแลกเงินของ บมจ.บัตรกรุงไทย โดยตราสารหนี้ต่างประเทศจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
ส่วนกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 3 เดือน 1 (KTSIV3M1) เสนอขายถึงวันที่ 10 กรกฎาคม 2558 เป็นการเปิดขายรอบใหม่ (Roll Over) เน้นลงทุนตราสารหนี้ของภาคเอกชน ประกอบด้วย บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง บมจ.บัตรกรุงไทย บมจ.หลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในสัดส่วน 66% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝาก บัตรเงินฝาก ตราสารหนี้ธนาคารพาณิชย์ ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศปรับตัวขึ้นลงในช่วงแคบๆ โดยตลาดตราสารหนี้ไทยตอบสนองต่อข่าวการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับตัวเลขเงินเฟ้อที่ติดลบเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน และเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวทำให้หลายๆ หน่วยงานเตรียมปรับลด GDP ลงอีกรอบและเริ่มมีกระแสคาดการณ์ถึงการลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีกรอบเช่นกัน
ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาค่อนข้างผันผวนตามปัจจัยที่เข้ามากระทบตลาดในแต่ละวัน ได้แก่ การผิดชำระหนี้ของกรีซ ตัวเลขการจ้างงานของ ADP และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐอเมริกา โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวลดลง -8 bps มาอยู่ที่ 0.64% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวลดลง -11 bps มาอยู่ที่ 1.64% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง -9 bps มาอยู่ที่ 2.40% ต่อปี
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้น่าจะเป็นเรื่องท่าทีของเจ้าหนี้ต่อกรีซหลังกรีซมีมติไม่รับมาตรการรัดเข็มขัดของเจ้าหนี้แต่เสนอให้มีการเจรจาต่อ โดยกรีซเสนอให้มีการลดหนี้ลง 30% และมีระยะเวลาปลอดชำระหนี้ 20 ปีเพิ่มเข้ามาในข้อตกลง ซึ่งอาจส่งผลต่อความผันผวนของตลาดและต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้