ผู้ว่าการ ธปท. ชี้ปัจจัยด้านภัยแล้งรุนแรงกว่าที่คาดไว้เป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะฉุดให้เศรษฐกิจไทยปีนี้อาจขยายตัวได้ต่ำกว่า 3% ด้านบาทอ่อนค่าสุดรอบ 6 ปี ยังไม่น่ากังวล ถือเป็นผลดีช่วยเพิ่มรายได้ผู้ส่งออก ส่วนภาวะเศรษฐกิจที่ชะลออยู่ขณะนี้ยันไม่มีปัญหาต่อการปล่อยสินเชื่อจนทำให้เกิดภาวะการติดลบ
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. กล่าวในงานสัมมนา Thailand Competitiveness Conference 2015 Building Competitive Thailand for Sustainability and Inclusiveness โดยระบุว่า แม้ว่าเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปยังมีเสถียรภาพ และมั่นคงดี แต่ยอมรับว่าปัจจัยภัยแล้งที่รุนแรงมากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้เป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะทำให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 3 ขณะที่การส่งออกจะติดลบร้อยละ 1.5 ซึ่งทาง ธปท. จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยหากต้องการให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เต็มศักยภาพที่ร้อยละ 4-5 ภาครัฐจะต้องเพิ่มสัดส่วนงบประมาณการลงทุนเป็นร้อยละ 26 ของงบรายจ่ายทั้งหมด จากปัจจุบันที่อยู่ที่ร้อยละ 20
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการ ธปท. ยืนยันว่า เศรษฐกิจที่ชะลออยู่ขณะนี้ไม่มีปัญหาต่อการปล่อยสินเชื่อจนทำให้เกิดภาวะการติดลบ เนื่องจากการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ยังขยายตัวได้ ร้อยละ 5-6 ซึ่งสอดคล้องต่อภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตได้ ร้อยละ 3
ส่วนค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 6 ปี ในวันนี้อยู่ที่ 34.18 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ยังไม่น่ากังวล เนื่องจากเทียบกับประเทศคู่แข่ง และคู่ค้ายังอยู่อ่อนค่าในทิศทางเดียวกัน ซึ่งถือว่าเป็นผลดีต่อภาคการส่งออกให้มีรายได้เป็นรูปเงินบาทมากขึ้น
ส่วนการประชุมคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดในสัปดาห์หน้า เชื่อว่าจะไม่มีปัจจัยที่ช็อกตลาด เนื่องจากตลาดรับรู้ และรอมติการประชุมครั้งนี้มานานแล้ว เช่นเดียวกับไทยที่มีเครื่องมือรองรับไว้ และมีทุนสำรองระหว่างประเทศสูงจึงไม่น่าห่วง ประกอบกับต่างชาติมาลงทุนในตลาดพันธบัตรของไทยไม่สูงมาก
ขณะที่ นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ระบุว่า ปัญหาในประเทศเราขณะนี้มีอยู่ 3 ประเด็น คือ การเมืองที่ไม่แน่นอน การคอร์รัปชันสูง และการศึกษาที่ยังไม่ปรับตัวให้ทันต่อเหตุการณ์มากนัก ทั้งนี้ หากปรับปรุงส่วนเหล่านี้ได้จะทำให้ไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันมากขึ้นได้
ด้าน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ภาครัฐจะพยายามเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันจะลดต้นทุนด้านลอจิสติกส์ได้ประมาณร้อยละ 0.5 จากปัจจุบันที่ร้อยละ 14 ด้วยการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้มีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ 3 สายที่ผ่านการพิจารณาของ ครม.มา ซึ่งจะทำให้ครึ่งปีหลังปีนี้จะมีเม็ดเงินจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น และทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้น