ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์ชาติเผยเล็งปรับลดประมาณการเศรษฐกิจต่ำกว่า 3%ในการประชุม กนง.วันที่ 5 ส.ค.นี้ ยอมรับภัยแล้งเข้ามาเป็นปัจจัยเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร ส่วนกรีซและจีนส่งผลต่อความผันผวนค่าเงินและเงินทุนเคลื่อนย้าย แต่ไม่จำเป็นต้องออกมาตรการดูแล มองข้อดีกลไกอัตราแลกเปลี่ยนเบาะรับระดับหนึ่ง ขณะที่ รมว.คลังรับสภาพ ศก.ครึ่งปีหลัง ชะลอตัวกว่าครึ่งปีแรก
นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.เตรียมปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยสำหรับปี 58 ซึ่งเดิมทีประเมินไว้ 3% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 5 ส.ค.นี้ ถือเป็นการประชุมครั้งที่ 5 ของปี โดยมองว่าภัยแล้งมีโอกาสเกิดความเสี่ยงเพิ่มขึ้นทั้งแง่ของรายได้และค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร ปัจจุบันราคาสินค้าเกษตรตกต่ำอยู่แล้ว ส่วนจะมีผลต่อเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝน การบริหารจัดการน้ำทั้งการบริโภคและการดูแลน้ำในพื้นที่เพาะปลูก
จากการสำรวจความคิดเห็นผู้ประกอบการ พบว่า ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการยังไม่น่าห่วง เช่นเดียวกับภาคอุตสาหกรรมโดยรวมยังไม่กระทบ เพราะสามารถใช้น้ำจากการประปานครหลวงและการประปาส่วนภูมิภาค อีกทั้งยังมีแผนสำรอง ปกติมีน้ำสำรองรองรับ 1-2 วันได้ และหลายที่มีบ่อบาดาลไว้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ธปท.ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดและรอความหวังสถานการณ์น้ำจะดีขึ้นจากปริมาณน้ำฝนตกช่วงปลายเดือนส.ค.นี้ ซึ่งส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรดีขึ้นได้
ประเด็นของกรีซและจีนกำลังร้อนแรงในขณะนี้อาจส่งผลต่อความผันผวนเงินตราต่างประเทศและเงินทุนเคลื่อนย้ายบ้างในระยะสั้นจากความเชื่อมั่น โดยการเคลื่อนย้ายเงินทุนตั้งแต่ต้นเดือนก.ค.ที่ผ่านมา พบว่า มีเงินไหลออกตลาดหุ้นไทยไปบ้าง ส่วนใหญ่เป็นการปรับฐานะมากกว่าการเทขายออกไป และยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดพันธบัตรไทย นอกจากนี้มองว่าไม่จำเป็นธปท.ออกมาตรการดูแลในทุกสถานการณ์ เพราะปัจจุบันมีกลไกด้านอัตราแลกเปลี่ยนคอยดูแลความผันผวนส่วนหนึ่งแล้ว
แม้กรีซบรรลุข้อตกลงเจรจาหนี้ยูโรโซนได้ ทำให้ภาพใหญ่ของความเสี่ยงลดลง แต่ความเสี่ยงกรีซจะหลุดยูโรโซนยังมีอยู่ในบางส่วน เพราะยังมีขั้นตอนทางกฎหมาย ซึ่งถ้าไม่ผ่านเกิดความไม่มั่นคงทางการเมืองขึ้น ฉะนั้น จุดน่าสนใจตอนนี้ คือ ภาพของมิติภาคการเมืองเข้ามาเจรจาเศรษฐกิจมากขึ้น ทั้งนี้ กรีซมีผลกระทบต่อประเทศไทยยังน้อยทั้งความสัมพันธ์ด้านการค้า เศรษฐกิจ หรือการลงทุนโดยตรง
กรณีการลดลงของดัชนีตลาดหุ้นจีนนั้น หลังจากจีนออกมาตรการต่างๆ มาช่วยเรื่องการซื้อขาย ทำให้มีเสถียรภาพมากขึ้น และส่งผลให้อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) ของจีนลดลงใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ในระยะยาวมองว่านักลงทุนยังคงสนใจ และมองว่านักลงทุนคงไม่ถึงขั้นสนใจตลาดหุ้นภูมิภาคน้อยลง ดังนั้น ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่งคั่งภาคครัวเรือน (Wealth effect) ที่มีต่อการบริโภคภาคเอกชนของจีนมีไม่มากนัก
ทั้งนี้ ในประเทศจีน ภาคครัวเรือนลงทุนในตลาดหุ้นค่อนข้างต่ำ โดยมีผู้ถือบัญชีประมาณ 90 ล้านคน หรือคิดเป็น 7%ของจำนวนประชากรทั้งหมด และในสัดส่วน 57%เป็นนักลงทุนระยะยาว ขณะที่นักลงทุนรายย่อยถือหุ้นประมาณ 25%ของมูลค่าตลาด นอกจากนี้ ภาคครัวเรือนถือครองหุ้นเพียง18%ของสินทรัพย์ทางการเงินทั้งหมด โดยยังคงเก็บสะสมในรูปแบบของเงินสดและเงินฝากถึง 50%
รมว.คลังรับ ศก.ครึ่งปีหลังยิ่งชะลอตัว
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังมีแนวโน้มชะลอเติบโตกว่าครึ่งปีแรก โดยครึ่งปีหลังของปี คาดจะเติบโต 2.6% มีปัจจัยหลักจากปัญหาภัยแล้ง และการส่งออกที่คาดว่าทั้งปีจะติดลบ 1.7% ส่วนการส่งออกครึ่งปีหลังก็คาดว่าจะติดลบ 1.3% นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากตลาดเงินและค่าเงินยูโรผันผวน แต่เชื่อว่าปัญหาหนี้กรีซจะจบลงด้วยดีและแทบจะไม่ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทย แต่สิ่งที่น่าห่วง คือ เศรษฐกิจจีนอยู่ในภาวะถดถอย อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้เร่งรัดการลงทุนภาครัฐอย่างเต็มที่เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการลงทุนด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ ทั้งโครงการรถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ที่จะเริ่มในปีหน้า การก่อสร้างมอเตอร์เวย์ 3 เส้นทาง พัฒนาระบบน้ำ การปรับปรุงสนามบิน ที่เริ่มมีการลงนามสัญญาบางฉบับแล้ว และจะเริ่มมีเงินเข้าสู่ระบบในเดือนสิงหาคมนี้
"คาดว่าปีนี้การลงทุนภาครัฐจะเติบโต 15.3% การบริโภคภาคเอกชน 2.4 - 2.5% และการบริโภคภาครัฐเติบโตที่ 4.2% นอกจากนี้คาดว่า กนง.จะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก" นายสมหมายกล่าว.
นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.เตรียมปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยสำหรับปี 58 ซึ่งเดิมทีประเมินไว้ 3% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 5 ส.ค.นี้ ถือเป็นการประชุมครั้งที่ 5 ของปี โดยมองว่าภัยแล้งมีโอกาสเกิดความเสี่ยงเพิ่มขึ้นทั้งแง่ของรายได้และค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร ปัจจุบันราคาสินค้าเกษตรตกต่ำอยู่แล้ว ส่วนจะมีผลต่อเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝน การบริหารจัดการน้ำทั้งการบริโภคและการดูแลน้ำในพื้นที่เพาะปลูก
จากการสำรวจความคิดเห็นผู้ประกอบการ พบว่า ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการยังไม่น่าห่วง เช่นเดียวกับภาคอุตสาหกรรมโดยรวมยังไม่กระทบ เพราะสามารถใช้น้ำจากการประปานครหลวงและการประปาส่วนภูมิภาค อีกทั้งยังมีแผนสำรอง ปกติมีน้ำสำรองรองรับ 1-2 วันได้ และหลายที่มีบ่อบาดาลไว้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ธปท.ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดและรอความหวังสถานการณ์น้ำจะดีขึ้นจากปริมาณน้ำฝนตกช่วงปลายเดือนส.ค.นี้ ซึ่งส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรดีขึ้นได้
ประเด็นของกรีซและจีนกำลังร้อนแรงในขณะนี้อาจส่งผลต่อความผันผวนเงินตราต่างประเทศและเงินทุนเคลื่อนย้ายบ้างในระยะสั้นจากความเชื่อมั่น โดยการเคลื่อนย้ายเงินทุนตั้งแต่ต้นเดือนก.ค.ที่ผ่านมา พบว่า มีเงินไหลออกตลาดหุ้นไทยไปบ้าง ส่วนใหญ่เป็นการปรับฐานะมากกว่าการเทขายออกไป และยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดพันธบัตรไทย นอกจากนี้มองว่าไม่จำเป็นธปท.ออกมาตรการดูแลในทุกสถานการณ์ เพราะปัจจุบันมีกลไกด้านอัตราแลกเปลี่ยนคอยดูแลความผันผวนส่วนหนึ่งแล้ว
แม้กรีซบรรลุข้อตกลงเจรจาหนี้ยูโรโซนได้ ทำให้ภาพใหญ่ของความเสี่ยงลดลง แต่ความเสี่ยงกรีซจะหลุดยูโรโซนยังมีอยู่ในบางส่วน เพราะยังมีขั้นตอนทางกฎหมาย ซึ่งถ้าไม่ผ่านเกิดความไม่มั่นคงทางการเมืองขึ้น ฉะนั้น จุดน่าสนใจตอนนี้ คือ ภาพของมิติภาคการเมืองเข้ามาเจรจาเศรษฐกิจมากขึ้น ทั้งนี้ กรีซมีผลกระทบต่อประเทศไทยยังน้อยทั้งความสัมพันธ์ด้านการค้า เศรษฐกิจ หรือการลงทุนโดยตรง
กรณีการลดลงของดัชนีตลาดหุ้นจีนนั้น หลังจากจีนออกมาตรการต่างๆ มาช่วยเรื่องการซื้อขาย ทำให้มีเสถียรภาพมากขึ้น และส่งผลให้อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) ของจีนลดลงใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ในระยะยาวมองว่านักลงทุนยังคงสนใจ และมองว่านักลงทุนคงไม่ถึงขั้นสนใจตลาดหุ้นภูมิภาคน้อยลง ดังนั้น ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่งคั่งภาคครัวเรือน (Wealth effect) ที่มีต่อการบริโภคภาคเอกชนของจีนมีไม่มากนัก
ทั้งนี้ ในประเทศจีน ภาคครัวเรือนลงทุนในตลาดหุ้นค่อนข้างต่ำ โดยมีผู้ถือบัญชีประมาณ 90 ล้านคน หรือคิดเป็น 7%ของจำนวนประชากรทั้งหมด และในสัดส่วน 57%เป็นนักลงทุนระยะยาว ขณะที่นักลงทุนรายย่อยถือหุ้นประมาณ 25%ของมูลค่าตลาด นอกจากนี้ ภาคครัวเรือนถือครองหุ้นเพียง18%ของสินทรัพย์ทางการเงินทั้งหมด โดยยังคงเก็บสะสมในรูปแบบของเงินสดและเงินฝากถึง 50%
รมว.คลังรับ ศก.ครึ่งปีหลังยิ่งชะลอตัว
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังมีแนวโน้มชะลอเติบโตกว่าครึ่งปีแรก โดยครึ่งปีหลังของปี คาดจะเติบโต 2.6% มีปัจจัยหลักจากปัญหาภัยแล้ง และการส่งออกที่คาดว่าทั้งปีจะติดลบ 1.7% ส่วนการส่งออกครึ่งปีหลังก็คาดว่าจะติดลบ 1.3% นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากตลาดเงินและค่าเงินยูโรผันผวน แต่เชื่อว่าปัญหาหนี้กรีซจะจบลงด้วยดีและแทบจะไม่ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทย แต่สิ่งที่น่าห่วง คือ เศรษฐกิจจีนอยู่ในภาวะถดถอย อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้เร่งรัดการลงทุนภาครัฐอย่างเต็มที่เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการลงทุนด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ ทั้งโครงการรถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ที่จะเริ่มในปีหน้า การก่อสร้างมอเตอร์เวย์ 3 เส้นทาง พัฒนาระบบน้ำ การปรับปรุงสนามบิน ที่เริ่มมีการลงนามสัญญาบางฉบับแล้ว และจะเริ่มมีเงินเข้าสู่ระบบในเดือนสิงหาคมนี้
"คาดว่าปีนี้การลงทุนภาครัฐจะเติบโต 15.3% การบริโภคภาคเอกชน 2.4 - 2.5% และการบริโภคภาครัฐเติบโตที่ 4.2% นอกจากนี้คาดว่า กนง.จะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก" นายสมหมายกล่าว.