บล.ทรีนีตี้ มองตลาดหุ้นไทยเดือนมิถุนายนผันผวนหนัก หลังแนวโน้มเม็ดเงินลงทุนอ่อนแรง บวกกับปัจจัยต่างประเทศกดดัน แนะกลยุทธ์จังหวะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนบริเวณแนวรับ 1,450 จุด และขายบริเวณแนวต้าน 1,550 จุด
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงภาพการลงทุนในเดือนมิถุนายนนี้ โดยคาดว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงปรับตัวผันผวนอย่างหนักจากหลายปัจจัยทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่เข้ามากระทบ โดยมองกรอบดัชนี SET Index อยู่ที่ 1,450-1,550 จุด อย่างไรก็ดี มองว่าตลาดหุ้นในครึ่งเดือนหลังจะดีกว่าครึ่งเดือนแรก
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ ปัจจัยสนับสนุนที่อาจเกิดขึ้นหากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในวันที่ 10 มิถุนายน 2558 พร้อมกับจับตาการประชุมองค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออก (OPEC) ในวันที่ 5 มิถุนายน 2558 หากมีมติลดกำลังการผลิตลง คาดราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และส่งผลบวกต่อราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน รวมถึงดัชนี SET Index และในวันเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรฯ ถ้าออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาด อาจทำให้เกิดจิตวิทยา (Sentiment) เชิงบวก เนื่องจากตลาดจะเลื่อนคาดการณ์การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ (Fed Fund) ออกไป
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่เข้ามากระทบภาพรวมการลงทุน ได้แก่ สัญญาณการไหลของเม็ดเงินลงทุน (Fund Flow) ยังคงอ่อนแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดล่วงหน้า หลังนักลงทุนต่างชาติมีการสะสมสถานะขาย (Short) กว่า 70,000 สัญญาในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ตลาดจะเริ่มเป็นกังวลมากขึ้นหากการประชุมคณะรัฐมนตรีกระทรวงการคลังยุโรป ในวันที่ 18 มิถุนายน 2558 ไม่มีบทสรุปการช่วยเหลือกรีซอีกครั้ง เนื่องจากในเดือนนี้ถึงกำหนดเวลาที่กรีซจะต้องชำระหนี้ให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กว่า 1,600 ล้านยูโรแล้ว
นอกจากนั้น หากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ในวันที่ 16-17 มิถุนายน 2558 มีการส่งสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ย หรือ Dot plots มีการปรับตัวสูงขึ้น มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่
นายณัฐชาต กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนในเดือนมิถุนายน แนะนำ ปรับตัวขึ้นให้ขาย ปรับตัวลงให้ซื้อ ตามกรอบดัชนี 1,450-1,550 จุด โดยหากดัชนีมีการปรับตัวลงมาบริเวณ 1,450 จุด มองเป็นโอกาสที่ดีในการเพิ่มน้ำหนักหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเป็นระดับที่มูลค่า (Valuation) มีความน่าสนใจแล้ว โดยหุ้นแนะนำในเดือนนี้ได้เปลี่ยนหุ้น 3 คู่บริษัท ได้แก่ หุ้นที่นำเข้า CCET, TPOLY, VNG แทนหุ้นนำออก BJCHI, CPF, PS และอีก 17 บริษัท ที่คงแนะนำต่อเนื่องจากเดือนก่อน ได้แก่ IRPC, IFEC, ITD, TCAP, JMT, ADVANC, TPCH, WHA, BANPU, TRUE, SUPER, HANA, TISCO, GL, TPIPL, PTT และ EVER