ซีบีอาร์อี ประเมินตลาดคอนโดฯ ไฮเอนด์ยังขยายตัวได้ดี เผยซื้อขายผ่านซีบีอาร์อีเพิ่มจาก 18% ไตรมาส 4 ปี 57 ขยับเป็น 22% ในไตรมาสแรกปี 58 ชี้ปัจจัยเสถียรภาพการเมือง การชะลอตัวของตลาดใหญ่ๆ ในภูมิภาค เงินบาทอ่อน หนุนการซื้อขาย ขณะที่ราคาคอนโดฯ ไฮเอนด์เฉลี่ยปรับสูงขึ้น 12% ต่อปี บางโครงการเปิดใหม่ราคาเพิ่มขึ้น 20% พร้อมเปิดตัวงาน “ซีบีอาร์อี อีลีท ลิฟวิ่ง” ทั้งโครงการคอนโดฯ และบ้านหรูมูลค่าขายสูงถึง 1.5 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าการขาย 10 วัน กว่า 2.5 พันล้านบาท
น.ส.อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมว่า แม้ว่าในปีนี้จะเป็นปีที่มีความท้าทายสำหรับการขายคอนโดมิเนียมในทุกระดับ เนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่ชะลอตัวส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนโดยรวม แต่สำหรับตลาดลักซ์ชัวรี และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี ซีบีอาร์อีประสบความสำเร็จในการเป็นตัวแทนการขายโครงการใหม่ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ได้แก่ พาร์ค พรีว่า นิมิต หลังสวน เดอะ ดิโพลแมท 39 และโฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ ซึ่งทั้งหมดได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าระดับบนสุดของตลาด
“จากการที่ตลาดระดับบนมีความคึกคักในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ และมีกระแสที่ดี จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการจัดงานซีบีอาร์อี อีลีท ลิฟวิ่ง ซึ่งทำให้ลูกค้าระดับบนมีโอกาสในการเข้าถึงสินค้าใหม่ๆ ในทำเลชั้นเยี่ยม ซึ่งรวมทั้งโครงการที่จะเปิดตัวเป็นครั้งแรกถึง 5 โครงการ ให้แก่ผู้ที่ต้องการซื้อเพื่อพักอาศัยเอง และเพื่อการลงทุน”
เนื่องจากราคาที่ดินใจกลางเมือง และราคาขายที่ปรับตัวสูงขึ้น ผู้ประกอบการในปัจจุบันจึงจำเป็นต้องพัฒนาสินค้าของตนให้มีความน่าสนใจ และตอบโจทย์ลูกค้าระดับบนของตลาด ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่าโครงการรุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบันมีคุณภาพที่ดีขึ้น ไม่เพียงแค่ในด้านแนวคิดโครงการ การออกแบบ ความสวยงามของสถาปัตยกรรม และการตกแต่งภายใน แบบแปลนห้อง การใช้ประโยชน์พื้นที่ วัสดุอุปกรณ์ที่เลือกใช้ก็มีคุณภาพสูงขึ้นตามไปด้วย
ความต้องการจากนักลงทุนต่างชาติกลับมาอีกครั้ง
นักลงทุนชาวต่างชาติกลับมาให้ความสนใจตลาดคอนโดมิเนียมระดับหรูในกรุงเทพฯ มากขึ้น ทั้งนี้ เห็นได้ชัดจากจำนวนคอนโดมิเนียมที่ชาวต่างชาติซื้อผ่านซีบีอาร์อีเพิ่มขึ้นจาก 18% ในไตรมาส 4 ปี 2557 ขึ้นมาอยู่ที่ 22% ในไตรมาส 1 ปี 2558 ส่วนลูกค้าชาวต่างชาติที่สอบถามเข้ามาผ่านทางเว็บไชต์ของซีบีอาร์อี ประเทศไทย ก็เพิ่มสูงขึ้นราว 4% ในช่วงเวลาดังกล่าว
ซีบีอาร์อีเชื่อว่ามีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยรวมกัน นอกเหนือจากเสถียรภาพทางการเมือง การชะลอตัวของตลาดใหญ่ๆ ในภูมิภาค และค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง ซึ่งเป็นระดับที่อ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 6 ปี ทำให้นักลงทุนชาวต่างชาติใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของไทยในราคาที่ถูกลงเมื่อเปรียบเทียบกับสกุลเงินต่างประเทศของตนเอง นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาจากสถิติในอดีตที่ผ่านมาของราคาตลาดระดับบนในทำเลชั้นนำใจกลางกรุงเทพฯ จะพบว่า ตลาดมีเสถียรภาพ ไม่ผันผวน และมีผลกระทบด้านราคาน้อยมากในช่วงวิกฤตปี 2540 และวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2551
นอกจากนี้ ซีบีอาร์อียังประสบความสำเร็จในการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมหรูในฮ่องกง 3 โครงการด้วยกัน ได้แก่ แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟรอนท์ เรสซิเดนซ์ แอท ไอคอน สยาม แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด และโฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ โดยสามารถสร้างยอดขายรวมทั้งสิ้น 52 ยูนิต มากกว่า 1.6 พันล้านบาท
“สถิติดังกล่าวถือเป็นยอดขายที่สูงสุดในการทำการตลาดในต่างประเทศของโครงการจากประเทศไทยโดยซีบีอาร์อี และเพื่อเป็นการเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ซีบีอาร์อีกำลังอยู่ในระหว่างการสำรวจตลาดอื่นๆ เช่น อินเดีย มาเลเซีย และแถบตะวันออกกลาง เพื่อนำโครงการจากประเทศไทยไปจัดแสดง”
ประเทศไทยยังคงเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจที่สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยทำเลที่ตั้งที่มีความโดดเด่น และสามารถเชื่อมต่อไปยังประเทศอื่นๆ ในอาเซียน และจีนได้เป็นอย่างดี จากความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ ประกอบกับอสังหาริมทรัพย์มีคุณภาพสูงในขณะที่ราคายังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเมืองสำคัญอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน ทำให้ชาวต่างชาติให้ความสนใจลงทุนในทำเลชั้นดีใจกลางกรุงเทพฯ เนื่องจากเห็นถึงโอกาสที่มูลค่าทรัพย์สินจะปรับตัวสูงขึ้นไปอีกในอนาคต
นอกจากความต้องการจากกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นซึ่งช่วยขับเคลื่อนตลาดระดับบนสุดแล้ว พบว่าในปัจจุบันความต้องการคอนโดมิเนียม และบ้านเดี่ยวในย่านใจกลางกรุงเทพฯ จากกลุ่มลูกค้าคนไทยที่มีความมั่นคงสูงในทุกกลุ่มอายุ ซึ่งรวมถึงผู้ที่มีสถานะโสด และมีครอบครัวแล้วยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งเพื่อพักอาศัยเอง และเป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนระยะยาว
เฉลี่ยราคาคอนโดฯ ไฮเอนด์ปรับสูงขึ้น 12% ต่อปี
ในปี 2558 ราคาคอนโดมิเนียมในย่านใจกลางกรุงเทพฯ ได้ปรับตัวสูงขึ้นในทุกระดับ ในอัตราที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับระดับของแต่ละโครงการ สภาพ และทำเลที่ตั้ง ราคาเฉลี่ยคอนโดมิเนียมตั้งแต่ระดับไฮเอนด์ขึ้นไปปรับตัวสูงขึ้น 12% ต่อปี ส่วนระดับลักซ์ซัวรี และซูเปอร์ลักซ์ซัวรี ราคาได้ปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุด โดยโครงการเปิดใหม่มีราคาเพิ่มสูงขึ้นถึง 20% จากปีที่แล้ว
สำหรับราคาขายต่อ หรือรีเซลส์ในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา คอนโดมิเนียมระดับลักซ์ซัวรีที่ตั้งอยู่ในทำเลชั้นดีของใจกลางเมืองมีราคาสูงขึ้นตามไปด้วยในระดับเฉลี่ย 7%-12% ต่อปี ในขณะที่ราคาคอนโดมิเนียมที่เป็นอาคารรุ่นเก่า ซึ่งส่วนใหญ่สร้างเสร็จในช่วงทศวรรษ 2530 เพิ่มขึ้นในอัตรา 3%-5% ต่อปี
เปิดตัว “ซีบีอาร์อี อีลีท ลิฟวิ่ง”
นอกจากนี้ ทางซีบีอาร์อีได้เปิดตัว “ซีบีอาร์อี อีลีท ลิฟวิ่ง” (CBRE Elite Living) งานแสดงคอนโดมิเนียมและบ้านสุดหรู ประจำปี 2558 จัดขึ้นบริเวณชั้น 1 แฟชั่นฮอลล์ สยามพารากอน ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 22 ถึงวันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม 2558 และนับเป็นปีที่ 4 ที่ซีบีอาร์อีจัดงานดังกล่าวขึ้น โดยภายในงานจะมีโครงการที่พักอาศัยที่ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดีร่วมจัดแสดง พร้อมมอบโปรโมชัน และข้อเสนอสุดพิเศษ เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกชมครบทุกทำเลทองภายในงานเดียว
ในปีนี้ ซีบีอาร์อีได้คัดสรร 13 โครงการคุณภาพ ตั้งแต่โครงการบ้าน และคอนโดมิเนียมชั้นนำในกรุงเทพมหานคร ไปจนถึงโครงการบ้านพักตากอากาศสุดหรูในภูเก็ต พัทยา และหัวหิน ซึ่งมีมูลค่าโครงการรวมกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีการเปิด 5 โครงการใหม่ในงานนี้เป็นแห่งแรก ได้แก่ คลาส สารสิน-ราชดำริ คลาส สยาม ควอร์เตอร์ 39 เทลา ทองหล่อ และบาบา บีช คลับ ภูเก็ต บาย ศรีพันวา
สำหรับโปรโมชัน และข้อเสนอที่ดีที่สุดในงาน ตั้งแต่การผ่อนชำระ 0% สำหรับค่าทำสัญญาด้วยบัตรเครดิตในเครือธนาคารกรุงศรีสำหรับโครงการที่ร่วมรายการ ยูนิตฮอตดีลราคาพิเศษ แพกเกจท่องเที่ยว และบัตรกำนัลเงินสด ไปจนถึงแพกเกจเฟอร์นิเจอร์สุดหรู นอกจากนี้ ซีบีอาร์อี ยังร่วมกับพันธมิตรอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ ซึ่งได้แก่ Jaspal Home, Ethan Allen, Chateau Meyre, Veranda และ Siemens มอบโปรโมชัน สิทธิประโยชน์ รวมถึงการจับรางวัลพิเศษ และกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟเพิ่มเติมให้แก่ลูกค้าตลอดช่วงสุดสัปดาห์ของการจัดงาน จากการคัดสรรโครงการที่พักอาศัยที่ดีที่สุด ประกอบกับข้อเสนอ และราคาสุดพิเศษ ซีบีอาร์อีตั้งเป้าว่าจะสามารถสร้างยอดขายจาก 13 โครงการชั้นนำในช่วงระยเวลา 10 วันของการจัดงานได้มากกว่า 2.5 พันล้านบาท
