โกลเบล็ก โฮลดิ้ง มองปัจจัยค่าเงินดอลลาร์แข็ง หลังตัวเลขสร้างบ้านพุ่งสูงสุดรอบ 7 ปี สวนทางค่าเงินยูโรอ่อนค่า จากธนาคารกลางยุโรปเตรียมเพิ่มวงเงินซื้อพันธบัตรในเดือน พ.ค.-มิ.ย. และเชื่อว่ากรีซจะบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้ได้ในเร็วๆ นี้ บวกกับจีนชะลอนำเข้าทองคำ หลังเศรษฐกิจชะลอตัว จึงแนะนำกลยุทธ์การลงทุนทองทยอยสะสม ให้กรอบการลงทุนที่ระดับ 1,185-1,230 เหรียญต่อทรอยออนซ์
นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX เปิดเผยถึงแนวโน้มราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐหลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนเมษายนพุ่งสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี
ขณะที่สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงจากข่าวที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเพิ่มวงเงินการซื้อพันธบัตรในช่วงเดือนพฤษภาคม และมิถุนายน รวมถึง รมว.คลังกรีซ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า กรีซจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับประเทศเจ้าหนี้ได้อย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ สภาทองคำโลก (WGC) เผยว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกในไตรมาส 1/2558 อยู่ที่ 1,079 ตัน ลดลง 1% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากจีนซึ่งเป็นตลาดทองคำรายใหญ่ชะลอการนำเข้าทองคำเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว จะสร้างแรงกดดันให้ราคาทองมีโอกาสอ่อนตัวลงหลังจากปรับขึ้นมาแรงในช่วงก่อนหน้า
โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองปรับตัวขึ้นไป 34.48 เหรียญต่อทรอยออนซ์ หรือคิดเป็น 2.90% ปิดที่ระดับ 1,224.02 เหรียญต่อทรอยออนซ์ จากการแข็งค่าของค่าเงินยูโรหลังเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยูโรโซนขยายตัว 0.4% ใน ไตรมาส 1/2558 หลังจากที่ขยายตัว 0.3% ในไตรมาสก่อนหน้าเป็นการขยายตัวเร็วที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี เนื่องจากได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจฝรั่งเศสที่ขยายตัว 0.6% และอิตาลีที่กลับมาขยายตัวได้อีกครั้งที่ระดับ 0.3% ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งช่วยชดเชยเศรษฐกิจเยอรมนีที่ขยายตัวช้าลงเหลือ 0.3% จาก 0.7% ในไตรมาสก่อนหน้า
ประกอบกับราคาน้ำมันที่ลดลง สกุลเงินยูโรที่อ่อนค่า และความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นของธนาคารกลางยุโรป นอกจากนี้ ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวต่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ว่า ECB จะยังคงดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้น และภาคเอกชนรวมทั้งผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นมากขึ้นยังคงเป็นปัจจัยบวกต่อเงินยูโร และทองคำ
กรรมการผู้จัดการ บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ (GBX) กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองที่น่าสนใจ คือ การรายงานตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของประเทศจีน เยอรมนี และยุโรป รวมทั้งตัวเลขของยอดผู้รับสวัสดิการของสหรัฐฯ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือน พ.ค.สหรัฐฯ ยอดขายบ้านมือสองเดือน เม.ย.สหรัฐฯ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเม.ย.จาก Conference Board และผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือน พ.ค.เฟดฟิลาเดลเฟีย
ดังนั้น จึงแนะนำกลยุทธ์การลงทุนทองคำทยอยเลือกเปิดสถานะ Short Gold Futures ในทุก Series เล่นรอบขาลงช่วงสั้น และรอปิดสถานะที่แนวรับ หรือรอเปิดสถานะ Long Gold Futures ช่วงราคาลงทดสอบแนวรับเพื่อเล่นรอบในทิศทางขาขึ้นอีกครั้ง ซึ่งราคาเกิดสัญญาณพักตัวระหว่างทางการสร้างรูปแบบขึ้น Bullish Flag จากการที่ราคาปรับลงมาต่ำกว่าแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน ด้วยการสร้างสัญญาณลบแท่งเทียน Tower Top เป็นสัญญาณลบที่สอดคล้องกันเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อการพักตัวที่มีน้ำหนักมากขึ้น
ขณะที่ค่าสัญญาณ Rsi ปรับลงต่ำกว่าเส้น Signal และเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน เริ่มปรับลงตามกันกับราคา เป็นสัญญาณลบ ทำให้ราคามีแนวโน้มเข้าสู่การพักฐาน อย่างไรก็ตาม จากแรงหนุนแนวขึ้นในรูปแบบ Bullish Flag ที่ยังรองรับอยู่ และแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน ที่ยังเป็นแนวรับขาขึ้น จะทำให้การปรับลงของราคามีแนวโน้มปรับลงในลักษณะแกว่งตัวลงช่วงสั้นๆ มากกว่าปรับตัวลงแรงก่อนที่จะปรับขึ้นต่อในรอบต่อไปตามแนวโน้มขึ้นที่ยังคงอยู่ โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวทองคำไว้ที่แนวรับ 1,185 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,230 เหรียญต่อทรอยออนซ์
นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX เปิดเผยถึงแนวโน้มราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐหลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนเมษายนพุ่งสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี
ขณะที่สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงจากข่าวที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเพิ่มวงเงินการซื้อพันธบัตรในช่วงเดือนพฤษภาคม และมิถุนายน รวมถึง รมว.คลังกรีซ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า กรีซจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับประเทศเจ้าหนี้ได้อย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ สภาทองคำโลก (WGC) เผยว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกในไตรมาส 1/2558 อยู่ที่ 1,079 ตัน ลดลง 1% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากจีนซึ่งเป็นตลาดทองคำรายใหญ่ชะลอการนำเข้าทองคำเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว จะสร้างแรงกดดันให้ราคาทองมีโอกาสอ่อนตัวลงหลังจากปรับขึ้นมาแรงในช่วงก่อนหน้า
โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองปรับตัวขึ้นไป 34.48 เหรียญต่อทรอยออนซ์ หรือคิดเป็น 2.90% ปิดที่ระดับ 1,224.02 เหรียญต่อทรอยออนซ์ จากการแข็งค่าของค่าเงินยูโรหลังเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยูโรโซนขยายตัว 0.4% ใน ไตรมาส 1/2558 หลังจากที่ขยายตัว 0.3% ในไตรมาสก่อนหน้าเป็นการขยายตัวเร็วที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี เนื่องจากได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจฝรั่งเศสที่ขยายตัว 0.6% และอิตาลีที่กลับมาขยายตัวได้อีกครั้งที่ระดับ 0.3% ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งช่วยชดเชยเศรษฐกิจเยอรมนีที่ขยายตัวช้าลงเหลือ 0.3% จาก 0.7% ในไตรมาสก่อนหน้า
ประกอบกับราคาน้ำมันที่ลดลง สกุลเงินยูโรที่อ่อนค่า และความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นของธนาคารกลางยุโรป นอกจากนี้ ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวต่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ว่า ECB จะยังคงดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้น และภาคเอกชนรวมทั้งผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นมากขึ้นยังคงเป็นปัจจัยบวกต่อเงินยูโร และทองคำ
กรรมการผู้จัดการ บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ (GBX) กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองที่น่าสนใจ คือ การรายงานตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของประเทศจีน เยอรมนี และยุโรป รวมทั้งตัวเลขของยอดผู้รับสวัสดิการของสหรัฐฯ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือน พ.ค.สหรัฐฯ ยอดขายบ้านมือสองเดือน เม.ย.สหรัฐฯ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเม.ย.จาก Conference Board และผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือน พ.ค.เฟดฟิลาเดลเฟีย
ดังนั้น จึงแนะนำกลยุทธ์การลงทุนทองคำทยอยเลือกเปิดสถานะ Short Gold Futures ในทุก Series เล่นรอบขาลงช่วงสั้น และรอปิดสถานะที่แนวรับ หรือรอเปิดสถานะ Long Gold Futures ช่วงราคาลงทดสอบแนวรับเพื่อเล่นรอบในทิศทางขาขึ้นอีกครั้ง ซึ่งราคาเกิดสัญญาณพักตัวระหว่างทางการสร้างรูปแบบขึ้น Bullish Flag จากการที่ราคาปรับลงมาต่ำกว่าแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน ด้วยการสร้างสัญญาณลบแท่งเทียน Tower Top เป็นสัญญาณลบที่สอดคล้องกันเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อการพักตัวที่มีน้ำหนักมากขึ้น
ขณะที่ค่าสัญญาณ Rsi ปรับลงต่ำกว่าเส้น Signal และเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน เริ่มปรับลงตามกันกับราคา เป็นสัญญาณลบ ทำให้ราคามีแนวโน้มเข้าสู่การพักฐาน อย่างไรก็ตาม จากแรงหนุนแนวขึ้นในรูปแบบ Bullish Flag ที่ยังรองรับอยู่ และแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน ที่ยังเป็นแนวรับขาขึ้น จะทำให้การปรับลงของราคามีแนวโน้มปรับลงในลักษณะแกว่งตัวลงช่วงสั้นๆ มากกว่าปรับตัวลงแรงก่อนที่จะปรับขึ้นต่อในรอบต่อไปตามแนวโน้มขึ้นที่ยังคงอยู่ โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวทองคำไว้ที่แนวรับ 1,185 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,230 เหรียญต่อทรอยออนซ์