นักวิเคราะห์กองทุนรวม บล.ฟิลลิป ประเมินหุ้นไทยรอปัจจัยบวกหนุน คาดจากสถิติเงินลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาลงทุนในเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน แนะถือโอกาสลุยกองทุนต่างประเทศโดยเฉพาะตลาดพัฒนาแล้ว
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจอย่างดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานทั่วสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 55.5 ในเดือนธันวาคม จาก 58.7 ในเดือนพฤศจิกายน โดยระดับ 55.5 นี้ถือเป็นจุดต่ำสุดในรอบ 6 เดือนและเป็นระดับที่ต่ำเกินคาด แต่เราคาดการณ์ว่าจะเป็นการปรับลดลงชั่วคราวเท่านั้นเนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯ ยังอยู่ในภาวะที่ฟื้นตัวชัดเจน
ทั้งนี้ แม้ว่าราคาหุ้นกลุ่มพลังงานของยุโรปปรับตัวลดลงอย่างมาก แต่ในทางกลับกันหุ้นกลุ่มอื่นๆ กลับปรับตัวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหลายประเทศโดยเฉพาะกับประเทศผู้ผลิตอย่างเยอรมนีที่มีแนวโน้มของต้นทุนที่ต่ำลงจากราคาน้ำมัน และเราคาดว่าการที่น้ำมันปรับตัวลดลงเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจโดยรวมของยุโรปที่จะทำให้มีการเติบโตในช่วงนี้
สำหรับกิจกรรมการผลิตของญี่ปุ่นยังคงขยายตัวจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของญี่ปุ่นอยู่ที่ 52.0 ในเดือนธันวาคม ลดลงเล็กน้อยจากตัวเลขประมาณการครั้งก่อน ถึงแม้แนวโน้มเศรษฐกิจจะยังไม่ฟื้นเต็มที่ แต่ภาวะฟื้นตัวก็ยังมีให้เห็นตลอด ภาพโดยรวมของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วมีแนวโน้มที่ดีซึ่งทำให้เรามองช่วงนี้เป็นโอกาสลงทุนกับกองทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว และเน้นการลงทุนระยะยาว
ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจจีนนั้น คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) เปิดเผยว่า จีนได้เปิดเสรีราคาสินค้าโภคภัณฑ์และบริการต่างๆ 24 รายการ โดยยกเลิกมาตรการควบคุมราคาสินค้าเกษตรทั้งหมดท่ามกลางมาตรการปฏิรูปอื่นๆ จึงทำให้จีนยังคงเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติ และมีอัตราการเติบโตของการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ FDI เพิ่มมากขึ้น จากพื้นฐานเศรษฐกิจยังดีและรัฐบาลคอยให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะมีปัญหาเข้ามาบ้างแต่ก็ทำให้ระยะยาวแล้วตลาดหุ้นจีนยังคงน่าลงทุน รวมถึงมีอัตราการเติบโตในระดับที่น่าสนใจ
นายสานุพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับประเทศไทยนั้นปัจจัยภายนอกยังไม่มีอะไรโดดเด่น มีแต่ปัจจัยกดดันตลาดจากการที่ตัวเลขดัชนีภาคการผลิตลดลงต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ของหสรัฐฯ ส่วนในระยะถัดไปเรายังคงลุ้นเม็ดเงินจากต่างชาติที่จะเริ่มทยอยเข้ามามากขึ้นหลังปีใหม่ แต่จากสถิติพบว่าเงินลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาลงทุนในเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ดังนั้นอาจจะยังไม่มีความเคลื่อนไหวในสัปดาห์นี้ ส่วนปัจจัยภายในยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ ที่ทำให้เราคาดการณ์ว่าในสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบบริเวณแนวรับเนื่องจากราคาน้ำมันที่ต่ำลงในช่วงปีใหม่เป็นปัจจัยหลักที่กดดันราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน
“SET Index ในช่วงสัปดาห์นี้มีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,480 และแนวต้านอยู่ที่ 1,540 มีแนวโน้มปรับตัวผันผวนเล็กน้อยจากการขายกองทุน LTF/RMF ที่ครบกำหนดการถือครองออกมา ส่วนในปีนี้เราแนะนำให้นักลงทุนวางแผนลงทุนแบบ DCA หรือซื้อกองทุน LTF/RMF ด้วยเงินที่เท่ากันทุกเดือนจะช่วยลดความผันผวนลงได้”นายสานุพงศ์กล่าว
