หลักทรัพย์โกลเบล็ก มองหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์นี้ แกว่งตัวในกรอบแคบที่ 1,520-1,530 จุด จากแรงเก็งกำไรของ Fund flow Euro carry trade จากการทำ QE รอบใหม่ของยูโรโซน รวมถึงการทำ Window dressing ในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ และการลงทุนในประเทศที่มีความชัดเจนมากขึ้น แนะลงทุนหุ้น Dividend yield สูง TISCO KTB, INTUCH ,ADVANC, MFEC พร้อมแนะกลยุทธ์ช้อนทองที่ระดับ 1,130 เหรียญสหรัฐต่อทอยออนซ์ ลุ้นสัญญาณเระยะสั้น หลังจากเจอแรงขายออกมามากเกินไป
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ (18-20 มี.ค.58) ทาง GBX ประเมินว่า กรอบแนวรับของดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,520-1,530 จุด ซึ่งมองว่าเป็นจุดในการเข้าซื้อ เพื่อลุ้นรีบาวนด์ได้ เนื่องจากคาดหวังต่อ Fund flow Euro carry trade จากการทำ QE รอบใหม่ของยูโรโซน รวมถึงการทำ Window dressing ในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้
อีกทั้งยังมีปัจจัยบวกภายในประเทศและต่างประเทศ อาทิ สภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่นผ่านร่างงบประมาณประจำปี 2558 วงเงิน 96.34 ล้านล้านเยน (7.9347 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) แล้ว เพื่อแก้ปัญหาเงินฝืดของญี่ปุ่น โดยกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รวมทั้ง IMF อนุมัติโครงการเงินกู้ครั้งใหม่ในวงเงิน 1.75 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับยูเครน เพื่อช่วยให้ยูเครนสามารถสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์นี้จะหารือกับรองนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการเปิดประมูล 4จี และคาดว่าจะเปิดประมูลได้ไม่เกินเดือน ส.ค.-ก.ย. 2558 ขณะเดียวกันคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เผยว่าเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีนักลงทุนยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนเป็นเงินลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนที่ยอดขอรับการส่งเสริมอยู่ที่ 7,660 ล้านบาท
ขณะที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ 4 สัญญา คาดว่าทาง รฟม.เห็นชอบผลการเจรจากับผู้รับเหมาก่อสร้าง โดยคาดว่าจะกำหนดลงนามในสัญญาก่อสร้างในวันที่ 3 เมษายนนี้ ซึ่งโครงการดังกล่าวใช้เวลาในการก่อสร้าง รวม 1,350 วัน
อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงมีปัจจัยลบหลายด้านยังคงกดดันต่อภาวะการลงทุนตลาดหุ้นไทย เช่น ความกังวล FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดหลังจากตัวเลขการว่างงานที่ลดลง การเจรจาแก้ไขปัญหาหนี้กรีซยังไม่มีความคืบหน้าราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงแรงอีกครั้งกดดันต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน
“ดังนั้น แนะนำให้ทยอยซื้อสะสมหุ้นกลุ่มหลักช่วงอ่อนตัว เช่น BANK, ICT โดยเฉพาะที่ให้ Dividend yield สูง เช่น TISCO, KTB, INTUCH, ADVANC และ MFEC เนื่องจากมีความน่าสนใจมากขึ้นหลังจาก กนง.ลดดอกเบี้ยลง และเก็งกำไรหุ้นกลุ่มสายการบินที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันลดลง รวมถึงหุ้นกลุ่มส่งออก เช่น อาหาร และ อิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง”
ด้านนักวิเคราะห์ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนในทองคำ เปิดเผยว่า แนะนำว่ากรอบการลงทุนทองคำประจำสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มการแกว่งตัวของราคาทองหลักๆ ยังเป็นไปตามแนวลง V-SHAPE โดยระยะสั้นเริ่มมีการพักตัวออกข้างอีกครั้ง เนื่องจากค่าสัญญาณ RSI เข้าสู่ภาวะ OVER SOLD อย่างมาก
ประกอบกับราคาปรับลงมาใกล้ฐานการจบรูปแบบ V-SHAPE ที่ 1,130 เหรียญสหรัฐต่อทอยออนซ์ มากขึ้น ทำให้การลงเริ่มชะลอตัวและมีโอกาสกลับตัวขึ้นได้บ้าง อย่างไรก็ตาม การพักตัวเป็นลักษณะของการแกว่งออกข้าง และยังอยู่ใต้แรงกดดันของแนวต้านขาลง ที่ยังคงสัญญาณ DEAD CROSS อยู่ ทำให้ราคาแนวโน้มยังเป็นเพียงการพักตัวขาลงหรือฟื้นตัวชั่วคราวมากกว่าจะสิ้นสุดขาลงและฟื้นตัวขึ้น โดยคาดว่าเป้าหมายการลงจะเป็นการลงมาหาฐานแนวรับการจบรูปแบบ V-SHAPE ที่ 1,130 เหรียญสหรัฐต่อทอยออนซ์ และมีแนวโน้มที่จะสร้างฐานราคาเพื่อรอสัญญาณกลับตัวรอบใหม่เนื่องจากภาวะขายมากเกินไปที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยแนะนำจับตาประเด็นที่น่าสนใจในวันพฤหัสบดีนี้ (19 มี.ค.58) คือ ผลกการประชุมเฟด ยอดผู้ขอรับสวัสดิการสหรัฐฯ และดัชนีภาคการผลิต สาขา ฟิลาเดเฟีย