หุ้นปิดร่วง 17.30 จุด กังวลตัวเลขเศรษฐกิจ Q1/58 ไม่ดี ส่งออกติดลบไปลึกกว่าที่คาดเอาไว้ ส่งผลให้ในช่วง H1/58 ภาพเศรษฐกิจจะไม่ค่อยดี กำไรของ บจ. ก็น่าจะยังไม่ดี แต่จะคาดหวังในช่วง H2/58 มากกว่า ขณะที่ตลาดกำลัง adjust ในระดับหนึ่ง พร้อมประเมิน กนง.ไม่ลดดอกเบี้ย เผยเม็ดเงินไม่ไหลเข้าอาเซียน แต่ไหลไปยังเอเชียเหนือแทน ด้านต่างชาติยังขายต่อเนื่อง และกองทุนก็ยังเทขาย เพื่อลดความเสี่ยงก่อนหยุดยาว
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (28 เม.ย.) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,531.53 จุด ลดลง 17.30 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.12% มูลค่าการซื้อขาย 48,747.98 ล้านบาท โดยภาพรวมในวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ ดัชนีขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,549.53 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,525.92 จุด
ขณะที่สัดส่วนการลงทุน นักลงทุนสถาบัน ขายสุทธิ 2,842.92 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 1,205.33 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 2,653.51 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิ 6,701.76 ล้านบาท
นายชัยพร น้อมพิทักษ์ ผู้ช่วยกรรมการอำนวยการ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงจากความกังวลตัวเลขเศรษฐกิจของไทยงวดไตรมาส 1/58 ไม่ดี โดยตัวเลขการส่งออกของไทยออกมาปรับตัวลงลึกกว่าที่คาดว่า ทำให้มีการมองภาพตัวเลข GDP ของไทยงวดไตรมาส 1/58 ที่ไม่ค่อยดี
ทั้งนี้ น่าจะเป็นความต่อเนื่องจากงบฯ ของกลุ่มแบงก์ที่ออกมาไม่ดี รวมถึงกำไรของกลุ่มแบงก์ในไตรมาส 2/58 คาดว่าจะยังไม่ดี เพราะยังอยู่ในภาพเศรษฐกิจที่คลุมเครืออยู่ และการปล่อยสินเชื่อก็ slow ลง ดังนั้นจึงมองว่า ตลาดฯ กำลัง adjust ในระดับหนึ่ง
หากมองไปที่ EPS ของตลาดไทยที่มีการปรับลดลงเรื่อยๆ จนตอนนี้อยู่ที่ 101.3 บาท/หุ้น จากเมื่อต้นปีที่อยู่ 106.7 บาท/หุ้น และพอมาคิด P/E จะเห็นได้ว่าไม่ได้ลงเลยยังอยู่ที่ 15.2 เท่า เท่าเดิม
ดังนั้น ตลาดฯ จึงยังอยู่ในโซนที่แพงอยู่ นอกจากนี้เม็ดเงินก็ไม่ไหลเข้าตลาดอาเซียน แต่ไปไหลเข้าตลาดเอเชียเหนือแทน อย่างตลาดจีน, ตลาดไต้หวัน เป็นต้น
นอกจากนี้ การประชุม กนง.ในช่วงกลางสัปดาห์นี้ ก็คิดว่าจะไม่มีการลดอัตราดอกเบี้ย สำหรับกลุ่มปิโตรเคมี และโรงกลั่น หลังจากที่ได้เริ่มกลับมาเดินเครื่องในไตรมาส 2/58 แล้ว เชื่อว่าสเปรดก็จะไม่ดี
โดยรวมแล้วมองว่า ในช่วงครึ่งปีแรก (H1/58) ภาพเศรษฐกิจจะไม่ค่อยดี กำไรของบริษัทจดทะเบียนก็ยังไม่ดี แต่จะคาดหวังในครึ่งปีหลัง (H2/58) มากกว่า ดังนั้น ในครึ่งปีแรกตลาดฯ คงจะอยู่ในโหมดของการเก็งกำไรมากกว่า
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่ติดลบในช่วงบ่ายนี้ โดยเฉลี่ยประมาณ 0.5-0.8% โดยจะมีการมองกันในเรื่องของกรีซมากกว่า ส่วนเศรษฐกิจของยุโรปก็ค่อยๆ ดีขึ้นแล้ว
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (29 เม.ย.) นายชัยพร กล่าวว่า ตลาดฯ เมื่อปรับตัวลงมาอยู่ในโซน 1,530 จุด ก็น่าที่จะเข้าซื้อเล่นระยะสั้นได้ โดยตลาดฯ คงจะเป็นภาพของการเก็งกำไร พร้อมให้แนวรับ 1,520 จุด ส่วนแนวต้าน 1,535-1,540 จุด
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยอ่อนตัวลงก่อนการประชุมเฟดและการประชุม กนง.วันพรุ่งนี้ (30 เม.ย.) ซึ่งเคลื่อนไหวคล้ายๆ กับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนลบเช่นกัน นักลงทุนยังไม่มั่นใจผลการประชุมว่าจะออกมาเป็นอย่างไร จากความไม่แน่นอนทำให้นักลงทุนเลือกที่จะขายก่อน
อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่มีแรงขายออกมาวันนี้เป็นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มก่อสร้างพื้นฐาน หลังจากตลาดฯ คาดว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ย อีกทั้งนักลงทุนบางรายเลือกที่จะขาย โดยเฉพาะหุ้นที่คาดว่างบฯ จะออกมาเติบโตไม่ดี
ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยยังถูกกดดันต่อเนื่องจากแรงขายในกลุ่มธนาคาร รวมถึงตัวเลขการส่งออกเดือนมีนาคมที่ออกมาต่ำกว่าคาดที่หดตัวถึง 4.45% นอกจากนี้ แรงขายของต่างชาติทั้งตลาดหุ้นและอนุพันธ์ยังกดดันภาพรวมตลาดต่อเนื่อง ขณะสถาบันยังขายต่อเนื่องเช่นกัน แต่อยู่ในอัตราที่ชะลอตัวลง ทั้งนี้ ตลาดกำลังเข้าใกล้ช่วงวันหยุดยาว 5 วันทำการ อาจทำให้มีแรงขายต่อเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงช่วงหยุดยาว
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,891.54 ล้านบาท ปิดที่ 210.00 บาท ลดลง 6.00 บาท
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 3,238.29 ล้านบาท ปิดที่ 12.20 บาท ลดลง 0.60 บาท
KTB มูลค่าการซื้อขาย 2,749.62 ล้านบาท ปิดที่ 19.90 บาท ลดลง 0.20 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,301.69 ล้านบาท ปิดที่ 162.50 บาท ลดลง 3.50 บาท
ITD มูลค่าการซื้อขาย 1,996.55 ล้านบาท ปิดที่ 7.30 บาท ลดลง 0.50 บาท