กองทุนประกันสังคม และกองทุนวายุภักษ์ เตรียมเข้าซื้อหุ้นบางจากร้อยละ 27 จากกลุ่ม ปตท. เนื่องจากไม่ต้องการถูกคำครหาเรื่องอำนาจผูกขาดในโรงกลั่นและปั๊มน้ำมัน ขณะที่ ปตท. เตรียมลงทุนเพิ่ม 5,000 ล้านบาท ขยายโรงแยกก๊าซฯ ย้ำราคาน้ำมันผ่านจุดต่ำสุด ส่วนพาราไซลีน ขยับขึ้นจากปัญหาโรงงานในจีนประสบอุบัติเหตุ
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการเห็นภาครัฐถือหุ้นใน บมจ.บางจากปิโตรเลียมต่อ หลังจาก บมจ.ปตท.ประกาศขายหุ้นบางจากร้อยละ 27 เนื่องจากไม่ต้องการถูกคำครหาเรื่องอำนาจผูกขาดในโรงกลั่นและปั๊มน้ำมัน ดังนั้น กองทุนวายุภักษ์และกองทุนประกันสังคมเข้าซื้อหุ้นจาก ปตท.ในสัดส่วนร้อยละ 15 และร้อยละ 12 ตามลำดับ ซึ่งบางจากนับว่าเป็นบริษัทที่ดีมีผลกำไร จึงทำให้กองทุนของรัฐได้ผลตอบแทนที่ดี
ด้านนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานบอร์ด บมจ.ปตท. กล่าวว่า ไม่สามารถเปิดเผยว่าขายหุ้นบางจากฯ ให้กองทุนอะไร โดยมีการตกลงกันแล้วและจะมีการประกาศและโอนเงินการขายหุ้นให้ ปตท. ภายในเดือนเมษายน
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน (ซีเอฟโอ) ปตท. กล่าวว่า เม็ดเงินจากการขายหุ้นบางจากฯ จะได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท หรือมีกำไรนับเป็น 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในการประชุมผู้ถือหุ้น ปตท.ทางผู้ถือหุ้นได้มีการสอบถามถึงทิศทางราคาน้ำมัน ธุรกิจถ่านหิน ผลประกอบการกลุ่ม ปตท. และการคืนท่อก๊าซฯ แก่ภาครัฐของ ปตท. รวมถึงการสรรหาประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. (ซีอีโอ ) แทนนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร หลังครบวาระวันที่ 9 กันยายน 2558 โดยนายปิยสวัสดิ์ ได้ชี้แจงว่าได้คืนท่อก๊าซฯ แก่ภาครัฐเรียบร้อยแล้วไม่ว่าจะเป็นช่องทางบกและทางทะเล ซึ่งดำเนินการตามคำสั่งศาลปกครองทุกประการ ส่วนการพิจารณาซีอีโอคนใหม่ บอร์ดยังมีเวลาพิจารณา โดยแนวทางตามหลักเกณฑ์สามารถสรรหาคนใหม่หรือต่ออายุคนเก่าจนครบอายุ 60 ปีได้ ซึ่งนายไพรินทร์ อายุประมาณ 59 ปีในปีนี้
นายไพรินทร์ กล่าวว่า เชื่อมั่นว่าราคาน้ำมันผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและปีนี้น้ำมันดิบดูไบจะอยู่ที่ประมาณ 50-60 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และจากการที่เชลล์เสนอซื้อบีจีหรือบริติชแก๊ส ซึ่งเป็นดีลใหญ่ที่สุดโลก 47,000 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 2.1 ล้านล้านบาท ยิ่งเป็นการตอกย้ำราคาน้ำมันผ่านจุดต่ำสุดและทิศทางพลังงานจะย้ายจากอัตราการเติบโตทางด้านน้ำมันไปสู่ก๊าซฯ มากขึ้น
ขณะที่ ปตท.มองหาโอกาสการลงทุนต่อเนื่อง โดยสิ้นปีที่แล้ว ปตท.มีกระแสเงินสดประมาณ 60,000-80,000 ล้านบาท และปี้นี้บริษัทในเครือมีโอกาสที่ดีจากความเสี่ยงสต็อกน้ำมันที่ลดลง รวมถึงล่าสุดโรงงานพาราไซลีนกำลังผลิตประมาณ 0.8-1.6 ล้านตัน/ปี เกิดระเบิดก็มีผลดีต่อราคาพาราไซลีนโลกขยับขึ้นและเป็นผลดีต่อ บมจ.ไทยออยล์ และ บมจ.พีทีทีโกลบอลเคมิคอล ซึ่งมีโรงงานพาราไซลีน ส่วนการกระจายหุ้นบริษัทในเครือปีนี้นอกจากจะมี บมจ.โกลบอลเพาเวอร์ซินเนอร์ยี่ (จีพีเอสซี) แล้วก็มีการศึกษาถึงบริษัทอื่น เช่น บริษัทพีทีทีเอ็นเนอร์ยี่รีซอร์สเซสดำเนินธุรกิจถ่านหิน 2 แหล่งใหญ่ในอินโดนีเซียอีกด้วย ซึ่งถ่านหินนับเป็นธุรกิจที่ดีและมีแนวโน้มราคาจะปรับขึ้นในอนาคต
ด้านนายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ ปตท. กล่าวว่า ปตท.กำลังพิจารณาจะลงทุนขยายโรงแยกก๊าซฯ โรงที่ 3-5 ประมาณ 5,000 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังกลั่นแบบคอขวดจะทำให้ได้ก๊าซแอลพีจี เพิ่มขึ้นอีก 100,000-300,000 ตัน/ปี เสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศและได้ก๊าซเพิ่มขึ้น สำหรับโรงงานปิโตรเคมีคาดจะศึกษาแผนเสร็จสิ้นและเสนอเข้าบอร์ด ปตท.ภายในปีนี้ ซึ่ง ปตท.จะไม่มีการลงทุนโรงแยกก๊าซฯ ที่ 7 เนื่องจากไม่มั่นใจปริมาณก๊าซในอ่าวไทยในอนาคตว่าจะมีปริมาณมากน้อยเพียงใด