xs
xsm
sm
md
lg

ไทยออยล์จ่อกลั่นเพิ่ม สิ้นปี4แสนบาร์เรล/วัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - “ไทยออยล์”ศึกษาขยายกำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็น 4 แสนบาร์เรล/วันจากเดิมที่กลั่นอยู่ 2.75 แสนบาร์เรล/วัน โดยจะตั้งหน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 4 (CDU 4) ขนาด 2แสนบาร์เรล/วัน คาดได้ข้อสรุปปลายปีนี้เช่นเดียวกับโครงการเพิ่มมูลค่าน้ำมันเตาเป็นน้ำมันดีเซล แย้มโครงการปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันในเมียนมาร์จะได้ความชัดเจนเร็วๆนี้

นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน)(TOP) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาโครงการเพิ่มมูลค่าน้ำมันเตาเป็นน้ำมันสำเร็จรูป (Residue Upgrading ) และติดตั้งหน่วยกลั่นน้ำมันดิบใหม่ที่ 4 (CDU 4) ทำให้โรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์สามารถกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 2.75 แสนบาร์เรล/วันเป็น 4 แสนบาร์เรล/วันคาดว่าในปลายปีนี้จะได้ข้อสรุปในปลายปีนี้
การตัดสินใจลงทุนติดตั้งหน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 4 เนื่องจากเห็นว่าหน่วยกลั่นน้ำมันดิบ 1 และ2 (CDU1-2) ที่มีกำลังการผลิตรวม 1 แสนบาร์เรล/วัน เดินเครื่องมานาน 50ปี และมีการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพจนไม่สามารถขยายเพิ่มเติมได้อีก และยังใช้ระบบสาธารณูปโภคเดิมที่มีอยู่ทำให้ต้นทุนต่ำขณะเดียวกันไทยออยล์มีโครงการเพิ่มมูลค่าน้ำมันเตาเป็นน้ำมันดีเซลที่มีมูลค่าเพิ่มสูงกว่า จึงเป็นโอกาสที่ดีในการขยายกำลังการผลิตเพิ่มเพื่อให้สอดรับกัน หากติดตั้งหน่วยกลั่นน้ำมันดิบหน่วย 4 ขนาด 2 แสนบาร์เรล/วันแล้วเสร็จ ก็จะหยุดผลิตหน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 1-2 ลง
โดยปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปที่ผลิตเพิ่มขึ้นนี้ส่วนหนึ่งจะส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้คงต้องศึกษาความต้องใช้น้ำมันของประเทศเพื่อนบ้านรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยโครงการขยายกำลังการกลั่นน้ำมันดังกล่าวนี้จะใช้เวลาก่อสร้าง3ปี ส่วนผลพลอยได้จากโรงกลั่นส่วนหนึ่งจะนำมาผลิตพาราไซลีนโดยจะร่วมทุนกับบมจ.ไออาร์พีซี ตั้งโรงงานผลิตพาราไซลีน (PX)ในอนาคต
สำหรับเม็ดเงินลงทุนที่จะใช้ในโครงการดังกล่าวนี้ คงต้องรอข้อสรุปการคัดเลือกเทคโนโลยีในโครงการเพิ่มมูลค่าน้ำมันเตาฯที่จะแล้วเสร็จในเดือนมิ.ย.นี้ หลังจากนั้นจะมีการศึกษารายละเอียดทั้งการออกแบบวิศวกรรม ดีมานด์ซัปพลายของตลาดเพื่อนบ้าน มูลค่าการลงทุน ฯลฯ คาดว่าจะสรุปในปลายปีนี้เนื่องจากเป็นโครงการที่ต่อเนื่องกัน

“เหตุผลที่ขยายโรงกลั่นน้ำมันเพิ่ม เนื่องจากบริษัทต้องการเติบโต และมีกระแสเงินสดสูงถึง 4.7 หมื่นล้านบาท แม้ว่าปีนี้มีแผนใช้เงินถึง 3 หมื่นล้านบาท เพื่อคืนชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด 350 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนมิ.ย. 2558 และลงทุนในโครงการที่ได้รับอนุมัติแล้วช่วง 4ปีนี้ (2558-2561) ประมาณ 520 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปีนี้จะใช้เงินลงทุนสูงถึง 400ล้านเหรียญสหรัฐในโครงการโรงไฟฟ้า SPP 2โรง กำลังผลิตรวม 230เมกะวัตต์ จะเสร็จในปี 2559 และโครงการเพิ่มมูลค่าสารเบนซีนเพื่อผลิต Linear Alkyl Benzene ( LAB) ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ ซึ่งเงินที่ใช้ในปีนี้ส่วนใหญ่คืนหนี้ ทำให้อัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ”
ปัจจุบัน ไทยออยล์สามารถกลั่นน้ำมันเตาได้ราว 9% น้ำมันดีเซลและน้ำมันอากาศยาน 57% เบนซิน 17% ก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) 4% วัตถุดิบที่ใช้ผลิตอะโรเมติกส์ 13% โดยน้ำมันสำเร็จรูปส่วนหนึ่งมีการส่งออกไปต่างประเทศ
นายอธิคมกล่าวต่อไปว่า สำหรับการขยายงานในต่างประเทศนั้น ไทยออยล์ร่วมกับปตท.ซึ่งเป็นบริษัทแม่ได้ยื่นข้อเสนอปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมัน Thanlyin ประเทศเมียนมาร์ ใช้เงินลงทุน 2 พันล้านบาท ขณะนี้รอการพิจารณาจากภาครัฐเมียนมาร์ คาดว่าจะได้คำตอบเร็วๆนี้โดยโครงการดังกล่าวนี้ถือเป็นการใช้ประสบการณ์ที่มีอยู่ในการปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันดังกล่าวให้กลับมาผลิตได้ตามเดิมที่ 2 หมื่นบาร์เรล/วัน
นายอธิคม กล่าวต่อไปว่า แนวโน้มราคาน้ำมันดิบปีนี้น่าจะอยู่ที่ 50-60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยปัจจุบันเคลื่อนไหวที่ราว 55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล มองว่าโอกาสที่จะต่ำกว่านี้คงค่อนข้างน้อยเนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ เศรษฐกิจยุโรปดีขึ้นหลังใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) คงมีแต่เศรษฐกิจจีนที่ยังชะลอตัวแต่เป็นการชะลอตัวลงจากฐานที่มีขนาดใหญ่ ทำให้คาดว่าความต้องการใช้น้ำมันของโลกจะไม่หดตัวมากนัก ส่วนการบริโภคนั้นในประเทศนั้น มีการขยายตัวได้ดีจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลง และได้รับประโยชน์จากโครงการรถยนต์คันแรกทำให้การใช้น้ำมันเบนซินเติบโตโดยคาดว่าจะขยายตัว 4% ในปีนี้โดยไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทฯมีค่าการกลั่นรวมเฉลี่ย (GIM) ยังอยู่ในระดับที่ดี 8.5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
กำลังโหลดความคิดเห็น