ASTVผู้จัดการรายวัน - ปตท.ขายหุ้นบางจากส่วนที่เหลืออีก 12%ให้กองทุนประกันสังคม หลังจากก่อนหน้านี้ตกลงขายหุ้นบางจาก 15%ให้กองทุนวายุภักษ์ คาดเม.ย.นี้ได้รับเงินจากการขายหุ้นไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท เผยปตท.เตรียมขยายกำลังผลิตโรงแยกก๊าซฯโรงที่3-5 ใช้เงินลงทุน 5 พันล้านบาท เพิ่มแอลพีจีได้1-3 แสนตัน/ปี
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการเห็นภาครัฐถือหุ้นในบมจ.บางจากปิโตรเลียม ต่อจากปตท.ที่ประกาศขายหุ้นบางจาก27% เพราะไม่ถูกครหาว่าใช้อำนาจผูกขาดโรงกลั่นและปั๊มน้ำมัน โดยปตท.กำลังพิจารณาขายหุ้นบางจากส่วนที่เหลืออีก 12%ให้กองทุนประกันสังคม หลังจากก่อนหน้านี้ได้บรรลุข้อตกลงขายหุ้นบางจากสัดส่วน15%ให้กองทุนวายุภักษ์ไปก่อนหน้านี้
ซึ่งการตัดสินซื้อหุ้นบางจากของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนประกันสังคม เนื่องจากบางจากเป็นบริษัทที่มีผลกำไรดีและจ่ายปันผลในอัตราที่สูง
ด้านนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันน์ ประธานคณะกรรมการ บมจ.ปตท. กล่าวว่า ยังไม่สามารเปิดเผยรายละเอียดการขายหุ้นบางจากของปตท.ว่าขายให้กับกองทุนฯอะไร แต่มีการตกลงกันแล้วและจะมีการประกาศและโอนเงินการขายหุ้นดังกล่าวภายในเดือนเม.ย.นี้
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.จะได้เม็ดเงินจากการขายหุ้นบางจากฯไม่ต่ำกว่า 1. หมื่นล้านบาท และมีกำไรนับเป็นพันล้านบาท
การตัดสินใจขายหุ้นบางจากที่ ปตท.ถืออยู่ 27% ออกไป เพื่อลดกระแสการโจมตีว่าผูกขาดธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน รวมทั้งค้าปลีกน้ำมันด้วย โดยเปิดให้ผู้ที่สนใจเสนอราคาซื้อหุ้นบางจากทั้งหมดมา ซึ่งพบว่ามีบริษัทเอกชนหลายรายสนใจ แต่สุดท้ายก็มีผู้แสดงความสนใจเพียง 2 ราย คือ บริษัท บริษัทเมอร์ริเมดไทม์ของกลุ่มนายประยุทธ์ มหากิจศิริ และกลุ่มเอ็มบีโอ ซึ่งนำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร ประธานกรรมการบางจากฯกลุ่มพนักงาน แต่เนื่องจากราคาที่กลุ่มประยุทธ์เสนอมานั้นสูงกว่ากลุ่มนายพิชัย ทำให้เกิดกระแสคัดค้านจากพนักงานบางจากขึ้นมาเนื่องจากเกรงว่านายประยุทธ์มีความสนิทสนมกับพรรคการเมือง อาจทำให้กลุ่มทุนทางการเมืองจะเข้ามาบริหารจัดการบางจากฯที่เคยเป็นกลไกของรัฐในการดูแลเสถียรภาพราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ
โดยมีตัวแทนพนักงานบางจากได้ทำหนังสือคัดค้านการขายหุ้นบางจากฯต่อนายประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยเสนอให้กระทรวงการคลังเข้ามาซื้อหุ้นบางจากแทน เพื่อให้บางจากยังเป็นเครื่องมือของรัฐต่อไป
ทำให้ดีลการขายหุ้นบางจากสะดุดลง ต่อมากองทุนวายุภักษ์ก็โดดเข้ามายื่นข้อเสนอและราคาเข้ามา โดยปตท.ยืนยันว่า ราคาและเงื่อนไขที่กองทุนวายุภักษ์เสนอมานั้นดีที่สุด แต่เจรจาซื้อหุ้นบางจากเพียง 15%เท่านั้น ส่วนหุ้นบางจากที่เหลืออีก 12%ปตท.ก็จะเปิดทางให้กับผู้ที่สนใจเข้ามายื่นเสนอมา แต่สุดท้ายก็ไม่มีภาคเอกชนรายใดสนใจ เนื่องจากสัดส่วนหุ้นน้อยไม่มีสิทธิ์ในการบริหารงานได้ จึงเป็นจังหวะให้กองทุนประกันสังคมเข้ามาซื้อหุ้นที่เหลือนั้นแทนในราคาและเงื่อนไขเดียวกับที่กองทุนวายุภักษ์เสนอมา
ในการประชุมผู้ถือหุ้น ปตท. วานนี้ (9 เม.ย.) ทางผู้ถือหุ้นได้มีการสอบถามถึงทิศทางราคาน้ำมัน ธุรกิจถ่านหิน และการคืนท่อก๊าซฯแก่ภาครัฐของ ปตท. รวมไปถึงการสรรหาประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.แทนนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ที่จะครบวาระในวันที่ 9 ก.ย.2558
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวชี้แจงว่า ปตท. ได้ดำเนินการคืนท่อก๊าซฯให้แก่ภาครัฐเรียบร้อยแล้วไม่ว่าจะเป็นท่อทางบกและทางทะเล ตามคำสั่งศาลปกครองทุกประการ ส่วนการพิจาารณาซีอีโอคนใหม่ บอร์ดยังมีเวลาพิจารณาโดยแนวทางตามหลักเกณฑ์สามารถสรรหาคนใหม่หรือต่ออายุคนเก่าจนครบอายุ 60 ปีได้ ซึ่งในปีนี้นายไพรินทร์มีอายุ 59ปี
ส่วนธุรกิจถ่านหินที่อินโดนีเซียก็ยังดำเนินการอยู่ แม้ว่าราคาช่วงนี้ยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากมองว่าตลาดยังมีความต้องการใช้ถ่านหินเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจากแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของไทยประเมินว่ายังมีความต้องการโรงไฟฟ้าถ่านหิน แต่ในช่วงสั้นต้องมีการบริหารจัดการดูแลไม่ให้ได้รับผลกระทบจากราคาถ่านหินตกต่ำมากนัก
ด้านนายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด กล่าวว่า ปตท.กำลังพิจารณาจะขยายโรงแยกก๊าซฯโรงที่3-5 ใช้เงินลงทุน 5 พันล้านบาทเพื่อขยายกำลังกลั่นแบบคอขวดจะทำให้ได้ก๊าซแอลพีจีเพิ่มขึ้นอีก1- 3 แสนตัน/ปี ช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศและได้ก๊าซเพิ่มขึ้นสำหรับโรงงานปิโตรเคมี คาดว่าจะศึกษาแผนเสร็จสิ้นและเสนอเข้าบอร์ด ปตท.ภายในปีนี้ ส่วนแผนขยายโรงแยกก๊าซฯแห่งที่ 7 นั้น ปตท.จะไม่มีการลงทุน เนื่องจากไม่มั่นใจปริมาณก๊าซฯในอ่าวไทยว่าจะมีปริมาณมากพอในระยะยาว
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการเห็นภาครัฐถือหุ้นในบมจ.บางจากปิโตรเลียม ต่อจากปตท.ที่ประกาศขายหุ้นบางจาก27% เพราะไม่ถูกครหาว่าใช้อำนาจผูกขาดโรงกลั่นและปั๊มน้ำมัน โดยปตท.กำลังพิจารณาขายหุ้นบางจากส่วนที่เหลืออีก 12%ให้กองทุนประกันสังคม หลังจากก่อนหน้านี้ได้บรรลุข้อตกลงขายหุ้นบางจากสัดส่วน15%ให้กองทุนวายุภักษ์ไปก่อนหน้านี้
ซึ่งการตัดสินซื้อหุ้นบางจากของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนประกันสังคม เนื่องจากบางจากเป็นบริษัทที่มีผลกำไรดีและจ่ายปันผลในอัตราที่สูง
ด้านนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันน์ ประธานคณะกรรมการ บมจ.ปตท. กล่าวว่า ยังไม่สามารเปิดเผยรายละเอียดการขายหุ้นบางจากของปตท.ว่าขายให้กับกองทุนฯอะไร แต่มีการตกลงกันแล้วและจะมีการประกาศและโอนเงินการขายหุ้นดังกล่าวภายในเดือนเม.ย.นี้
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.จะได้เม็ดเงินจากการขายหุ้นบางจากฯไม่ต่ำกว่า 1. หมื่นล้านบาท และมีกำไรนับเป็นพันล้านบาท
การตัดสินใจขายหุ้นบางจากที่ ปตท.ถืออยู่ 27% ออกไป เพื่อลดกระแสการโจมตีว่าผูกขาดธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน รวมทั้งค้าปลีกน้ำมันด้วย โดยเปิดให้ผู้ที่สนใจเสนอราคาซื้อหุ้นบางจากทั้งหมดมา ซึ่งพบว่ามีบริษัทเอกชนหลายรายสนใจ แต่สุดท้ายก็มีผู้แสดงความสนใจเพียง 2 ราย คือ บริษัท บริษัทเมอร์ริเมดไทม์ของกลุ่มนายประยุทธ์ มหากิจศิริ และกลุ่มเอ็มบีโอ ซึ่งนำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร ประธานกรรมการบางจากฯกลุ่มพนักงาน แต่เนื่องจากราคาที่กลุ่มประยุทธ์เสนอมานั้นสูงกว่ากลุ่มนายพิชัย ทำให้เกิดกระแสคัดค้านจากพนักงานบางจากขึ้นมาเนื่องจากเกรงว่านายประยุทธ์มีความสนิทสนมกับพรรคการเมือง อาจทำให้กลุ่มทุนทางการเมืองจะเข้ามาบริหารจัดการบางจากฯที่เคยเป็นกลไกของรัฐในการดูแลเสถียรภาพราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ
โดยมีตัวแทนพนักงานบางจากได้ทำหนังสือคัดค้านการขายหุ้นบางจากฯต่อนายประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยเสนอให้กระทรวงการคลังเข้ามาซื้อหุ้นบางจากแทน เพื่อให้บางจากยังเป็นเครื่องมือของรัฐต่อไป
ทำให้ดีลการขายหุ้นบางจากสะดุดลง ต่อมากองทุนวายุภักษ์ก็โดดเข้ามายื่นข้อเสนอและราคาเข้ามา โดยปตท.ยืนยันว่า ราคาและเงื่อนไขที่กองทุนวายุภักษ์เสนอมานั้นดีที่สุด แต่เจรจาซื้อหุ้นบางจากเพียง 15%เท่านั้น ส่วนหุ้นบางจากที่เหลืออีก 12%ปตท.ก็จะเปิดทางให้กับผู้ที่สนใจเข้ามายื่นเสนอมา แต่สุดท้ายก็ไม่มีภาคเอกชนรายใดสนใจ เนื่องจากสัดส่วนหุ้นน้อยไม่มีสิทธิ์ในการบริหารงานได้ จึงเป็นจังหวะให้กองทุนประกันสังคมเข้ามาซื้อหุ้นที่เหลือนั้นแทนในราคาและเงื่อนไขเดียวกับที่กองทุนวายุภักษ์เสนอมา
ในการประชุมผู้ถือหุ้น ปตท. วานนี้ (9 เม.ย.) ทางผู้ถือหุ้นได้มีการสอบถามถึงทิศทางราคาน้ำมัน ธุรกิจถ่านหิน และการคืนท่อก๊าซฯแก่ภาครัฐของ ปตท. รวมไปถึงการสรรหาประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.แทนนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ที่จะครบวาระในวันที่ 9 ก.ย.2558
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวชี้แจงว่า ปตท. ได้ดำเนินการคืนท่อก๊าซฯให้แก่ภาครัฐเรียบร้อยแล้วไม่ว่าจะเป็นท่อทางบกและทางทะเล ตามคำสั่งศาลปกครองทุกประการ ส่วนการพิจาารณาซีอีโอคนใหม่ บอร์ดยังมีเวลาพิจารณาโดยแนวทางตามหลักเกณฑ์สามารถสรรหาคนใหม่หรือต่ออายุคนเก่าจนครบอายุ 60 ปีได้ ซึ่งในปีนี้นายไพรินทร์มีอายุ 59ปี
ส่วนธุรกิจถ่านหินที่อินโดนีเซียก็ยังดำเนินการอยู่ แม้ว่าราคาช่วงนี้ยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากมองว่าตลาดยังมีความต้องการใช้ถ่านหินเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจากแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของไทยประเมินว่ายังมีความต้องการโรงไฟฟ้าถ่านหิน แต่ในช่วงสั้นต้องมีการบริหารจัดการดูแลไม่ให้ได้รับผลกระทบจากราคาถ่านหินตกต่ำมากนัก
ด้านนายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด กล่าวว่า ปตท.กำลังพิจารณาจะขยายโรงแยกก๊าซฯโรงที่3-5 ใช้เงินลงทุน 5 พันล้านบาทเพื่อขยายกำลังกลั่นแบบคอขวดจะทำให้ได้ก๊าซแอลพีจีเพิ่มขึ้นอีก1- 3 แสนตัน/ปี ช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศและได้ก๊าซเพิ่มขึ้นสำหรับโรงงานปิโตรเคมี คาดว่าจะศึกษาแผนเสร็จสิ้นและเสนอเข้าบอร์ด ปตท.ภายในปีนี้ ส่วนแผนขยายโรงแยกก๊าซฯแห่งที่ 7 นั้น ปตท.จะไม่มีการลงทุน เนื่องจากไม่มั่นใจปริมาณก๊าซฯในอ่าวไทยว่าจะมีปริมาณมากพอในระยะยาว
