พฤกษา เลื่อนแผนโรดแมป 5 ปียอดขายทะลุแสนล้านบาท ในปี 2562 หลังเจอพิษการเมือง ตั้งเป้าโตปีละไม่น้อยกว่า 20% รุกตลาดทั้งในและต่างประเทศ เผยผลประกอบการปี 57 รายได้ 47,000 ล้านบาท กำไรสุทธิ 6,650 ล้านบาท มั่นใจยอดขายปี 2558 ตามเป้า 47,000 ล้านบาท หลัง 1 เดือนแรก ยอดขายทะลุเป้า 3,400 ล้านบาท เชื่อแนวโน้มอสังหาฯ โต 10%
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า บริษัทได้วางแผนธุรกิจในระยะ 5 ปีใหม่ ระหว่างปี 2558-2562 โดยตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้ทะลุ 1 แสนล้านบาท ภายในปี 2562 และตั้งเป้ายอดขายในระดับใกล้เคียงกัน หรือมีอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 20% นับจากนี้ไป ภายใต้ประมาณการณ์ว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ (จีดีพี) เฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 4-5% และภาคอสังหาริมทรัพย์มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 5-7% ต่อปี หรือมีมูลค่าตลาดในปี 2562 ประมาณ 8 แสนล้านบาท จากปัจจุบันที่ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศมีมูลค่าตลาดรวม 6 แสนล้านบาท
นอกจากการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ภายในประเทศ การเติบโตของเมืองท่องเที่ยว หัวเมืองหลัก เมืองค้าชายแดน อีกทั้งยังมีแรงหนุนจากการเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ AEC ที่จะทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยในเมืองไทยเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง จากความต้องการของชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานหรือลงทุนในไทย
“เดิมบริษัทตั้งเป้ารายได้เกิน 1 แสนล้านบาท ในปี 2560 แต่จากปัญหาสถานการณ์การเมืองในประเทศ รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้บริษัทได้ปรับแผนธุรกิจให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันและมีการขยับแผนธุรกิจใหม่ คาดว่าจะมีรายได้ทะลุ 1 แสนล้านบาทในปี 2562”
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามแผนที่วางไว้ โดยจะมีการขยายโครงการในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก และจะขยายโครงการต่างจังหวัดหัวเมืองที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ อาทิ ภาคใต้ ภูเก็ต สงขลา นครศรีธรรมราช หาดใหญ่ สุราษฎร์ธานี, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุดรธานี อุบลราชธานี นครราชสีมา ขอนแก่น, ภาคตะวันออก ระยอง ชลบุรี, ภาคเหนือ เชียงใหม่ และภาคกลาง อยุธยา กาญจนบุรี เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีแผนรุกตลาดในต่างประเทศเพิ่มขึ้นหลังจากที่ชะลอมาประมาณ 1-2 ปี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างวางแผนธุรกิจ และพิจารณาแนวทางการลงทุน โดยยังคงเน้นประเทศอินเดียเป็นหลัก เนื่องจากมองว่ามีโอกาสทางธุรกิจและมีความต้องการที่อยู่อาศัยเติบโตต่อเนื่อง
สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์กรุงเทพฯ และปริมณฑล ปี 2558 คาดว่าจะขยายตัวได้ 10% มูลค่า 3.3 แสนล้านบาท โดยมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น จากช่วงปลายปีที่ผ่านมา แม้ว่ายอดขายของบริษัทในช่วงไตรมาส 4/57 จะลดลงจากช่วงไตรมาสโดยมียอดขายที่ 7,759 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 3/57 ที่มียอดขายสูงถึง 13,393 ล้านบาท แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/56 ที่มียอดขาย 7,515 ล้านบาท ไตรมาส 4 ปีนี้ถือว่ามียอดขายเพิ่มขึ้น โดยส่วนหนึ่งมาจากความไม่มั่นใจของผู้บริโภคจากภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวน ประกอบกับหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ทำให้บริษัทชะลอเปิดตัวโครงการในช่วงไตรมาส 4/57 มาเปิดในช่วงต้นปีนี้ ทำให้ยอดขายในไตรมาส 4 ลดลง
แม้ว่าช่วงไตรมาส 4/57 ยอดขายจะชะลอตัวแต่ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ยอดขาย 3,400 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงกว่าเป้าหมายที่วางเอาไว้ 2,500 ล้านบาท สะท้อนการฟื้นตัวของตลาดและคาดว่าภาพรวมอสังหาฯ ทั้งปีจะเติบโตได้ 10%
สำหรับผลประกอบการปี 57 ทำรายได้และกำไรสุทธิสูงสุดเป็นสถิติใหม่ในรอบ 21 ปี โดยมีรายได้ 42,700 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10% จากปี 56 ที่มีรายได้อยู่ที่ 38,800 ล้านบาท ซึ่งรายได้หลักมาจากโครงการทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยว 32,500 ล้านบาท ส่วนคอนโดมิเนียมและโครงการในต่างประเทศ 10,000 ล้านบาท ส่วนยอดขายลดลง 5% อยู่ที่ 39,000 ล้านบาท เนื่องจากการเลื่อนเปิดบางโครงการมาเปิดช่วงต้นปีนี้
ขณะที่กำไรสุทธิ 6,650 ล้านบาท สูงขึ้น 14.7% จากปี 56 ที่มีกำไรสุทธิ 5,800 ล้านบาท โดยการเติบโตมาจากการบริหารต้นทุนและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ว่าปี 57 ยอดขายของบริษัทจะลดลง แต่บริษัทยังสามารถครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 13% จาก 11% ในปี 56 ซึ่งสินค้ากลุ่มทาวน์เฮาส์ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุดที่ 32% ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่มีมูลค่า 55,000 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งตลาดบ้านเดี่ยวเป็นอันดับ 2 รองจากแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่ 11% จากมูลค่าตลาด 85,000 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งตลาดคอนโดมิเนียมที่ 7% เป็นอันดับ 2 ในตลาดที่มีมูลค่าตลาด 140,000 ล้านบาท รองจากอนันดาฯ
นายทองมา คาดว่า ส่วนแบ่งตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลของบริษัทในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 15% ตามแนวโน้มของเป้าหมายยอดขายของบริษัทที่วางไว้ 47,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับตลาดรวมที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปีนี้จะมีมูลค่าตลาดประมาณ 290,000 ล้านบาท
ปี 58 บริษัทตั้งงบซื้อที่ดิน 14,000 ล้านบาท ซึ่งซื้อที่ดินไปแล้วราว 170 ล้านบาท อีกทั้งยังมีงบลงทุนอื่นๆ อีก 650 ล้านบาทสำหรับการพัฒนาโครงการใหม่ในปีนี้จำนวน 70-75 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5.5-6.1 หมื่นล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทมีที่ดินสำหรับรองรับการเปิดโครงการในปีนี้แล้วทั้งหมด 60 แปลง ส่วนที่เหลือจะทยอยซื้อเพิ่ม