ซีเค พาวเวอร์ รายได้กำไรปี 57 พุ่ง เตรียมปันผลครั้งแรกเมษายนนี้อัตราหุ้นละ 0.10 บาท ผู้บริหารเผยผลงานดีเพราะรายได้ขายไฟฟ้าและไอน้ำทุกแห่งดีขึ้น หลังคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ดี ขณะปี 58 มุ่งสร้างผลงานดีต่อเนื่อง เล็งซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีเพิ่ม
ดร.สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP เปิดเผยว่า บริษัทมีผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่อง โดยในปี 2557 บริษัทฯ มีรายได้รวม 7,027 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อนและมีกำไรสุทธิที่ 472 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 116% จากปีก่อน เตรียมพิจารณาจ่ายเงินปันผลครั้งแรกในช่วงเดือนเมษายนนี้ พร้อมเดินหน้าลงทุนต่อเนื่องในโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี เสริมศักยภาพผู้นำอุตสาหกรรมพลังงานของอาเซียน
โดยในส่วนของกำไรสุทธิเติบโตมากกว่า 116% นั้น เนื่องจากบริษัทรับรู้รายได้จาการขายไฟฟ้าและไอน้ำของโรงไฟฟ้า บางปะอินโคเจนเนอเรชั่น โครงการ 1 (BIC1) เต็มปี เทียบกับปี 2556 ที่รับรู้รายได้เพียงครึ่งปี และโรงไฟฟ้าทุกแห่งของบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดี เดินเครื่องมีประสิทธิภาพสามารถควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและบริหารการเงินได้ดี
แม้ปีที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าหลักอย่าง โรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำงึม 2 (NN2) ที่ สปป.ลาว จะผลิตไฟฟ้าได้น้อยกว่าแผนเล็กน้อยเนื่องจากฤดูฝนที่มาช้า แต่ด้วยเงื่อนไขในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของ NN2 ที่สามารถรับรู้รายได้จากบัญชีสำรองที่เคยผลิตไว้ได้เกินเป้าหมายจากปีก่อนหน้าได้ ทำให้รายได้ของ NN2 ในปีนี้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก นอกจากนั้น บริษัทเริ่มรับรู้ผลตอบแทนในรูปเงินปันผลจากธุรกิจที่เข้าลงทุน บริษัทจึงจะนำเสนอที่ประชุมผู้ถือห้นในวันที่ 9 เมษายน 2558 เพื่อขออนุมัติการกระจายเงินปันผลจากผลปะกอบการปี 2557 ให้ผู้ถือหุ้นได้เป็นครั้งแรกในอัตราหุ้นละ 0.10 บาทด้วย
สำหรับปี 2558 บริษัทยังคงมุ่งสร้างผลประกอบการที่ดีต่อไป โดยจะปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าและเดินหน้าลดต้นทุนทางการเงินอย่างต่อเนื่อง ในส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา นั่นคือ โรงไฟฟ้าบางปะอินโคเจนเนอเรชั่น โครงการ 2 (BIC 2) ขนาดกำลังการผลิต 120 เมกะวัตต์ ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ได้เริ่มก่อสร้างแล้วคาดเสร็จและเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2560 และจะสร้างรายได้ประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนั้น บริษัทอยู่ะหว่างการพิจารณาลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี กำลังการผลิต 1,285 เมกะวัตต์ ใน สปป.ลาว ซึ่งการก่อสร้าง ณ สิ้นปี 2557 แล้วเสร็จไปกว่า 40% และเข้าซื้อหุ้น 30% ในโรงไฟฟ้าดังกล่าว จาก บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) โดยพิจารณาแล้วว่า เป็นวลาที่เหมาะสมเพราะขั้นตอนการก่อสร้างในเฟส 1 เสร็จสมบูรณ์แล้ว และการก่อสร้างเฟส 2 มีความเสี่ยงทางวิศวกรรมในระดับที่บริหารจัดการได้ การเข้าซื้อหุ้นโครงการไซยะบุรีในเวลานี้ จะทำให้สามารถซื้อได้ในราคาที่เหมาะสม มีผลตอบแทนในระดับที่ดีตามนโยบายการลงทุนของบริษัท และยังส่งผลให้กำลังการผลิต CKP เพิ่มจาก 755 เมกะวัตต์ เป็น 2,160 เมกะวัตต์ นับเป็นการเติบโตเกือบ 3 เท่า สร้างมูลค่าเพิ่มให้ CKP และตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำในธุรกิจพลังงานในประเทศและอาเซียน
ดร.สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP เปิดเผยว่า บริษัทมีผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่อง โดยในปี 2557 บริษัทฯ มีรายได้รวม 7,027 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อนและมีกำไรสุทธิที่ 472 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 116% จากปีก่อน เตรียมพิจารณาจ่ายเงินปันผลครั้งแรกในช่วงเดือนเมษายนนี้ พร้อมเดินหน้าลงทุนต่อเนื่องในโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี เสริมศักยภาพผู้นำอุตสาหกรรมพลังงานของอาเซียน
โดยในส่วนของกำไรสุทธิเติบโตมากกว่า 116% นั้น เนื่องจากบริษัทรับรู้รายได้จาการขายไฟฟ้าและไอน้ำของโรงไฟฟ้า บางปะอินโคเจนเนอเรชั่น โครงการ 1 (BIC1) เต็มปี เทียบกับปี 2556 ที่รับรู้รายได้เพียงครึ่งปี และโรงไฟฟ้าทุกแห่งของบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดี เดินเครื่องมีประสิทธิภาพสามารถควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและบริหารการเงินได้ดี
แม้ปีที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าหลักอย่าง โรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำงึม 2 (NN2) ที่ สปป.ลาว จะผลิตไฟฟ้าได้น้อยกว่าแผนเล็กน้อยเนื่องจากฤดูฝนที่มาช้า แต่ด้วยเงื่อนไขในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของ NN2 ที่สามารถรับรู้รายได้จากบัญชีสำรองที่เคยผลิตไว้ได้เกินเป้าหมายจากปีก่อนหน้าได้ ทำให้รายได้ของ NN2 ในปีนี้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก นอกจากนั้น บริษัทเริ่มรับรู้ผลตอบแทนในรูปเงินปันผลจากธุรกิจที่เข้าลงทุน บริษัทจึงจะนำเสนอที่ประชุมผู้ถือห้นในวันที่ 9 เมษายน 2558 เพื่อขออนุมัติการกระจายเงินปันผลจากผลปะกอบการปี 2557 ให้ผู้ถือหุ้นได้เป็นครั้งแรกในอัตราหุ้นละ 0.10 บาทด้วย
สำหรับปี 2558 บริษัทยังคงมุ่งสร้างผลประกอบการที่ดีต่อไป โดยจะปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าและเดินหน้าลดต้นทุนทางการเงินอย่างต่อเนื่อง ในส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา นั่นคือ โรงไฟฟ้าบางปะอินโคเจนเนอเรชั่น โครงการ 2 (BIC 2) ขนาดกำลังการผลิต 120 เมกะวัตต์ ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ได้เริ่มก่อสร้างแล้วคาดเสร็จและเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2560 และจะสร้างรายได้ประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนั้น บริษัทอยู่ะหว่างการพิจารณาลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี กำลังการผลิต 1,285 เมกะวัตต์ ใน สปป.ลาว ซึ่งการก่อสร้าง ณ สิ้นปี 2557 แล้วเสร็จไปกว่า 40% และเข้าซื้อหุ้น 30% ในโรงไฟฟ้าดังกล่าว จาก บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) โดยพิจารณาแล้วว่า เป็นวลาที่เหมาะสมเพราะขั้นตอนการก่อสร้างในเฟส 1 เสร็จสมบูรณ์แล้ว และการก่อสร้างเฟส 2 มีความเสี่ยงทางวิศวกรรมในระดับที่บริหารจัดการได้ การเข้าซื้อหุ้นโครงการไซยะบุรีในเวลานี้ จะทำให้สามารถซื้อได้ในราคาที่เหมาะสม มีผลตอบแทนในระดับที่ดีตามนโยบายการลงทุนของบริษัท และยังส่งผลให้กำลังการผลิต CKP เพิ่มจาก 755 เมกะวัตต์ เป็น 2,160 เมกะวัตต์ นับเป็นการเติบโตเกือบ 3 เท่า สร้างมูลค่าเพิ่มให้ CKP และตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำในธุรกิจพลังงานในประเทศและอาเซียน