CKP ทุ่มงบ 1.15 แสนล้านบาท ลุยสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ใหญ่สุดในอาเซียน กำลังการผลิตกว่า 2,160 เมกะวัตต์ ส่วนการเจรจาเข้าซื้อหุ้นของ ไซยะบุรี พาวเวอร์คาดจะสามารถสรุปดีลได้ในเดือนเมษายนนี้ พร้อมตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 7,000 ล้านบาท
นางสาวสุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีเค พาวเวอร์ หรือ CKP กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ทุ่มงบลงทุนในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ด้วยวงเงินกว่า 115,000 ล้านบาท ที่สาธารณะรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยใช้เงินกู้จากธนาคารพาณิชย์จำนวน 6 ราย ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารทิสโก้ และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ซึ่งคาดว่าโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จและสามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้ในปี 2562 โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 2,160 เมกะวัตต์ ใหญ่สุดในอาเซียน อย่างไรก็ตามงบการลงทุนดังกล่าวแบ่งเป็นใช้ในงานก่อสร้าง 78,000 ล้านบาท ใช้ในการบริหารโครงการ 9,500 ล้านบาท เงินค่าดอกเบี้ยจากการกู้ยืม 26,000 ล้านบาท และเงินสำรองอื่นๆ อีกประมาณ 1,500 ล้านบาท ทั้งนี้ อาจจะมีงบการลงทุนเพิ่มเติมมากขึ้นในอนาคต แต่จะไม่ให้เกิน 10% จากงบที่วางไว้ เนื่องจากรัฐบาลลาว ได้มีการกำหนดรูปแบบของการก่อสร้างเพิ่มเติมเข้ามาจากแผนเดิม โดยวงเงินในส่วนที่เกิน รัฐบาล สปป.ลาว จะช่วยสนับสนุนด้านแหล่งเงินทุนให้
“บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตขึ้นไม่น้อยกว่า 5-8% จากปีก่อนหน้า หรือประมาณ 7,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้กว่า 90% มาจากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ซึ่งรายได้ดังกล่าวมาจากการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าที่ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 755 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ในส่วนของกองทุนโครงสร้างพื้นฐานคาดว่าจะไม่เกิดขึ้นภายในช่วงนี้ เนื่องจากเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นที่ต้องนำเงินในอนาคตจำนวนมากมาใช้ในตอนนี้ ส่วนแผนการเจรจาซื้อธุรกิจพลังงานเพิ่มเติมอยู่ในระหว่างดำเนินการ ซึ่งมีการเจรจาหลายรายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยคาดว่าจะสามารถสรุปดีลได้อย่างน้อย 1 แห่งภายในปีนี้”
ขณะที่ในส่วนของความคืบหน้าการเจรจาเข้าซื้อหุ้นของ บมจ.ไซยะบุรี พาวเวอร์ หรือ XPCL ในสัดส่วน 30% ของทุนจดทะเบียนหรือคิดเป็นจำนวน 805,830,000 หุ้น โดยมีมูลค่ารวมประมาณ 4,344 ล้านบาท จาก บมจ.ช.การช่าง หรือ CK ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ บมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP) โดยคาดว่าจะการเจรจาเข้าซื้อดังกล่าวจะได้ข้อสรุปภายในกลางปีนี้ ทั้งนี้ในเดือนเมษายนนี้บริษัทฯ เตรียมที่จะขออนุมัติผู้ถือหุ้นเพื่อออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 1,870 ล้านหุ้น ในราคา 3 บาท/หุ้น โดยสัดส่วนการใช้สิทธิ 1 หุ้นเดิมต่อ 0.34 หุ้นใหม่