ซีเค พาวเวอร์ ปรับมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) เหลือหุ้นละ 1 บาท จากเดิมหุ้นละ 5 บาท หลังจากนั้นจะเพิ่มทุน 3.74 พันล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท ขายผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน และเพื่อรองรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) ที่จะให้ฟรีแก่ผู้ที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุน โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนส่วนหนึ่งจะใช้ซื้อหุ้น 30% ใน ไซยะบุรี พาวเวอร์ จาก .ช.การช่าง มูลค่า 4.34 พันล้านบาท
ดร.สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 21 ม.ค.58 ว่า บอร์ดได้อนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) จากเดิมหุ้นละ 5 บาท เหลือหุ้นละ 1 บาท หลังจากนั้น ให้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 9.24 พันล้านบาท จากเดิมที่ 5.5 พันล้านบาท ด้วยการออกหุ้นใหม่ 3.74 พันล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท โดยแบ่งการจัดสรรคือ หุ้นใหม่ 1.87 พันล้านหุ้น ขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 0.34 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 3 บาท
นอกจากนี้ ยังกันหุ้นใหม่อีก 1.87 พันล้านหุ้น รองรับวอร์แรนต์ใหม่ จำนวน 1.87 พันล้านหน่วย ที่จะออก และแจกให้ฟรีแก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนในสัดส่วน 1 หุ้นเพิมทุนใหม่ต่อ 1 วอร์แรนต์ โดยวอร์แรนต์มีอายุไม่เกิน 5 ปี อัตราการใช้สิทธิ 1 วอร์แรนต์ต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาการใช้สิทธิ 6 บาทต่อ 1 หุ้น
สำหรับวัตถุประสงค์การเพิ่มทุนเพื่อนำเงินที่ได้รับไปใช้ซื้อหุ้นบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด(XPCL)ในสัดส่วน 30% รวมทั้งเป็นเงินทุนสำหรับการเพิ่มทุนใน XPCL ตามสัดส่วนผู้ถือหุ้นจนกว่าโครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จ ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และแหล่งเงินทุนสำหรับการลงทุนต่างๆ ของบริษัทในอนาคต
ทั้งนี้ เป็นผลจากบอร์ด CKP ได้มีมติอนุมัติให้ซื้อหุ้นของ XPCL ดังกล่าวจาก CK คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 4.34 พันล้านบาท และการเข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น XPCL รวมทั้งการเพิ่มทุนใน XPCL ตามสัดส่วนการถือหุ้นจนกว่าโครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จ เป็นจำนวนเงินรวมประมาณ 5.51 พันล้านบาท และการรับภาระผูกพันเดิมที่ CK มีต่อเจ้าหนี้สถาบันการเงินของ XPCL และ คาดว่าการทำรายการดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 ปี 58 นี้
โดยคณะกรรมการ CK ได้อนุมัติการขายหุ้น XPCL ดังกล่าวให้แก่ CKP และจะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นต่อไป เพื่อปรับโครงสร้างการถือหุ้นในธุรกิจพลังงานไฟฟ้าให้เหมาะสม และลดภาระของบริษัทในการลงทุนเพิ่มเติม โดยจะนำเงินลงทุนไปใช้เป็นเงินหมุนเวียนในอนาคต
สำหรับ XPCL เป็นผู้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ในลาว มีกำลังการผลิตติดตั้ง 1,285 เมกะวัตต์ และจะขายไฟฟ้ากลับมาไทย จำนวน 1,220 เมกะวัตต์ เป็นเวลา 29 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 62 โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งภายหลังการซื้อหุ้นครั้งนี้ก็จะทำให้ CKP กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน XPCL จำนวน 30% แทน CK ซึ่งจะไม่มีจำนวนหุ้นคงเหลือ
ในการนี้ CKP อนุมัติแต่งตั้งให้ บริษัท แคปปิตอล แอ๊ดแวนเทจ จากัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อแสดงความเห็นเกี่ยวกับการเข้าซื้อหุ้น XPCL จาก CK ซึ่งถือเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ และรายการที่เกี่ยวโยงกัน
พร้อมกันนี้ บริษัทกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรร และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Record Date) ในวันที่ 27 เมษายน 58 และให้รวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 (รวมทั้งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม) โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 28 เมษายน 58 และกำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 9 เมษายน 58
ดร.สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 21 ม.ค.58 ว่า บอร์ดได้อนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) จากเดิมหุ้นละ 5 บาท เหลือหุ้นละ 1 บาท หลังจากนั้น ให้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 9.24 พันล้านบาท จากเดิมที่ 5.5 พันล้านบาท ด้วยการออกหุ้นใหม่ 3.74 พันล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท โดยแบ่งการจัดสรรคือ หุ้นใหม่ 1.87 พันล้านหุ้น ขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 0.34 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 3 บาท
นอกจากนี้ ยังกันหุ้นใหม่อีก 1.87 พันล้านหุ้น รองรับวอร์แรนต์ใหม่ จำนวน 1.87 พันล้านหน่วย ที่จะออก และแจกให้ฟรีแก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนในสัดส่วน 1 หุ้นเพิมทุนใหม่ต่อ 1 วอร์แรนต์ โดยวอร์แรนต์มีอายุไม่เกิน 5 ปี อัตราการใช้สิทธิ 1 วอร์แรนต์ต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาการใช้สิทธิ 6 บาทต่อ 1 หุ้น
สำหรับวัตถุประสงค์การเพิ่มทุนเพื่อนำเงินที่ได้รับไปใช้ซื้อหุ้นบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด(XPCL)ในสัดส่วน 30% รวมทั้งเป็นเงินทุนสำหรับการเพิ่มทุนใน XPCL ตามสัดส่วนผู้ถือหุ้นจนกว่าโครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จ ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และแหล่งเงินทุนสำหรับการลงทุนต่างๆ ของบริษัทในอนาคต
ทั้งนี้ เป็นผลจากบอร์ด CKP ได้มีมติอนุมัติให้ซื้อหุ้นของ XPCL ดังกล่าวจาก CK คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 4.34 พันล้านบาท และการเข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น XPCL รวมทั้งการเพิ่มทุนใน XPCL ตามสัดส่วนการถือหุ้นจนกว่าโครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จ เป็นจำนวนเงินรวมประมาณ 5.51 พันล้านบาท และการรับภาระผูกพันเดิมที่ CK มีต่อเจ้าหนี้สถาบันการเงินของ XPCL และ คาดว่าการทำรายการดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 ปี 58 นี้
โดยคณะกรรมการ CK ได้อนุมัติการขายหุ้น XPCL ดังกล่าวให้แก่ CKP และจะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นต่อไป เพื่อปรับโครงสร้างการถือหุ้นในธุรกิจพลังงานไฟฟ้าให้เหมาะสม และลดภาระของบริษัทในการลงทุนเพิ่มเติม โดยจะนำเงินลงทุนไปใช้เป็นเงินหมุนเวียนในอนาคต
สำหรับ XPCL เป็นผู้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ในลาว มีกำลังการผลิตติดตั้ง 1,285 เมกะวัตต์ และจะขายไฟฟ้ากลับมาไทย จำนวน 1,220 เมกะวัตต์ เป็นเวลา 29 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 62 โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งภายหลังการซื้อหุ้นครั้งนี้ก็จะทำให้ CKP กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน XPCL จำนวน 30% แทน CK ซึ่งจะไม่มีจำนวนหุ้นคงเหลือ
ในการนี้ CKP อนุมัติแต่งตั้งให้ บริษัท แคปปิตอล แอ๊ดแวนเทจ จากัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อแสดงความเห็นเกี่ยวกับการเข้าซื้อหุ้น XPCL จาก CK ซึ่งถือเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ และรายการที่เกี่ยวโยงกัน
พร้อมกันนี้ บริษัทกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรร และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Record Date) ในวันที่ 27 เมษายน 58 และให้รวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 (รวมทั้งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม) โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 28 เมษายน 58 และกำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 9 เมษายน 58