ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ออกหนังสือชี้แจงกรณีเพลิงไหม้อาคารสำนักงานใหญ่ รัชโยธิน เพิ่มเติม ฉบับที่ 2 สืบเนื่องจากเหตุไฟไหม้ชั้น 10 โซน A สำนักงานใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เมื่อคืนวันที่ 7 ก.พ. 58 ที่ผ่านมานั้น ธนาคารขอชี้แจงความคืบหน้าดังต่อไปนี้
1.รายละเอียดความเสียหายของจุดเกิดเหตุ และตัวอาคาร โดยหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
วานนี้ (8 ก.พ.) พล.ต.ต. ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บัญชาการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง นำทีมเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่บริเวณที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ สำนักงานใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ โดยตรวจสอบเสร็จเวลาประมาณ 17.00 น. พร้อมได้ให้รายละเอียดเบื้องต้นว่า จุดเกิดเหตุมีเอกสารเป็นจำนวนมาก พบว่าเพลิงลุกไหม้อย่างช้าๆ และไม่มีจุดผิดสังเกต ซึ่งหากเป็นการลอบวางเพลิงนั้นเพลิงจะต้องลุกไหม้อย่างรวดเร็วแบบผิดปกติ และลุกลามไปยังบริเวณโดยรอบ นอกจากนี้ ยังไม่พบร่องรอยของน้ำมันเชื้อเพลิง ในเบื้องต้นจึงเชื่อว่าสาเหตุของเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ไม่น่าจะเกิดจากการลอบวางเพลิง ส่วนจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร หรือสาเหตุใดจะต้องรอผลพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง โดยคาดว่าจะทราบผลภายใน 1 สัปดาห์
พร้อมกันนี้ ดร.การุญ จันทรางศุ วิศวกรผู้ออกแบบโครงสร้างอาคารสำนักงานใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุเมื่อวานนี้ (8 ก.พ.) เวลาประมาณ 16.30-18.30 น. ได้เข้ามาสำรวจความเสียหายทางโครงสร้างของอาคาร ณ จุดเกิดเหตุ และได้มีความเห็นเบื้องต้นว่าความเสียหายจากเพลิงไหม้จำกัดบริเวณพื้นที่ชั้นที่ 10 โซน A บางส่วนเท่านั้น เป็นความเสียหายที่ไม่รุนแรง และไม่กระทบต่อความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างอาคาร จึงสามารถซ่อมแซมให้คืนกลับสู่สภาพการใช้งานตามปกติได้ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเป็นสำคัญ ซึ่งผลสรุปดังกล่าว ทาง ดร.การุญ จันทรางศุ ได้ทำเอกสารยืนยันถึงกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ (9 ก.พ.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แม้ว่าบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ และได้รับความเสียหายจะอยู่จำกัดที่บริเวณชั้น 10 ของโซน A เท่านั้น แต่เนื่องจากการทำงานของสปริงเกอร์ และการดับเพลิง ทำให้ชั้นอื่นๆ ของโซน A ได้รับผลกระทบจากน้ำ และควันไฟ จึงต้องปิดไม่ให้มีการผ่านเข้า-ออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณชั้น 10 โซน A ซึ่งเป็นบริเวณเกิดเหตุได้ปิด และห้ามเข้าอย่างเด็ดขาดจนกว่าจะได้รับอนุญาตจากทางตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานอย่างเป็นทางการ
สำหรับพื้นที่อาคารโซน B และ โซน C ของสำนักงานใหญ่ แม้ว่าจะมีความปลอดภัยทางโครงสร้าง และไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ก็ตาม ทางธนาคารไทยพาณิชย์ ให้ความสำคัญ และห่วงใยเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านสุขภาพของพนักงานเป็นหลัก ดังนั้น ก่อนที่จะมีคำสั่งให้พนักงานกลับเข้าทำงานในอาคารสำนักงานใหญ่นั้น ธนาคารจะให้ทีมผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมาตรวจสอบอย่างละเอียดจนมั่นใจว่า มีความปลอดภัยต่อสุขภาพของพนักงาน และสิ่งแวดล้อมก่อนที่จะให้พนักงานกลับเข้าทำงานในอาคารได้ตามปกติ
2.แนวทางการจัดการเพื่อให้ธนาคารสามารถซ่อมแซมตัวอาคาร และเปิดใช้ตัวตึกสำนักงานใหญ่โดยเร็วที่สุด
หลังจากนี้ทีมที่ปรึกษา (EIT) จากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย จะเข้าตรวจสอบพร้อมทำรายละเอียดวิเคราะห์ และนำเสนอแนวทางการซ่อมแซมแก้ไข
จากนั้นจึงจะส่งแผนแนวทางการซ่อมแซมแก้ไขให้ทาง ดร.การุญ จันทรางศุ ทำการรับรองและส่งให้ทางกรุงเทพมหานคร พิจารณาเพื่ออนุมัติเข้าซ่อมแซม ก่อนที่จะเริ่มต้นซ่อมแซมตามแผน
3.มาตรการตามแผนสำรองฉุกเฉิน และผลการปฏิบัติงานของวันแรก (9 ก.พ.) ในการให้บริการลูกค้าตามแผนฯ
ธนาคารได้มีการดำเนินการตามแผนสำรองฉุกเฉินโดยเริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 ที่ผ่านมา ซึ่งได้จัดตั้งศูนย์คอนแทกต์ เซ็นเตอร์ ณ อาคารไทยพาณิชย์ปาร์ก พลาซ่า ตึก RCP เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าที่มีความจำเป็นต้องการติดต่อสำนักงานใหญ่ รวมถึงการจัดเตรียมสถานที่สำรองสำหรับพนักงานให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างต่อเนื่องไม่ติดขัด
สำหรับลูกค้าสาขารัชโยธิน สามารถใช้บริการ และทำธุรกรรมทางการเงินได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบางเขน ซึ่งธนาคารได้จัดเตรียมพนักงานเพื่อไปให้บริการลูกค้าเป็นกรณีพิเศษในระหว่างนี้อีกด้วย
4.แนวทางการให้ความช่วยเหลือครอบครัว นายเดชา ด้วงชนะ อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนเขตหลักสี่ ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ นอกเหนือจากเงินช่วยเหลือเบื้องต้นที่ธนาคารได้มอบไปแล้ว จำนวน 200,000 บาท เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 58 ที่ผ่านมา ทางธนาคารยังได้ให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมด้วยการมอบเงิน จำนวน 2 ล้านบาท รวมถึงมอบประกันชีวิตครอบคลุมโรคร้ายให้แก่มารดาของผู้เสียชีวิตอีกด้วย
ยันธุรกรรมลูกค้าปกติ
ด้าน นายอาทิตย์ นันทวิทยา รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า การเบิกถอนเงินสดของลูกค้าหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้การทำธุรกรรมของลูกค้ายังปกติ และให้สาขาในแต่ละแห่งรายงานการเคลื่อนไหวธุรกรรมทางการเงินหากมีความผิดปกติเกิดขึ้น ส่วนการสืบสวนสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเรียกบุคคลต่างๆ ที่อยู่ในที่เกิดเหตุมาให้ปากคำ ซึ่งธนาคารมีกล้องวงจรปิด หรือซีซีทีวี เพื่อตรวจสอบการเคลื่อนไหวของคนเข้าออกในธนาคารในช่วงเกิดเหตุว่ามีใครบ้าง โดยธนาคารฯ พร้อมประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสอบหาข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม ความเสียหายที่เกิดขึ้นภายในอาคารคิดเป็นมูลค่าเท่าใดนั้น คาดว่าในอีก 1-2 วันจะรู้ผล
และกรณีที่ สจล.ระบุว่า มีการขอข้อมูลจากธนาคารไทยพาณิชย์ และยังไม่ได้รับว่า ข้อมูลที่ขอเช้าวันศุกร์ที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา และธนาคารได้ให้ข้อมูลวันที่ 9 ก.พ. แต่ยังไม่ครบเป็นเพียงบางส่วน เพราะต้องใช้เวลาแต่การข้อมูลทุกครั้งธนาคารก็ให้มาตลอด สำหรับเอกสารที่ถูกไฟไหม้ในที่เกิดเหตุยืนยันว่า ไม่ใช่เป็นเอกสารเกี่ยวกับคดี สจล.แต่เป็นเอกสารเกี่ยวกับสินเชื่อบ้าน
“สาเหตุไฟไหม้ที่แท้จริงไม่รู้ว่าเกิดจากอะไรตัวผมยืนยันไม่ได้ เนื่องจากไม่มีหน้าที่ต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป”
