กรมที่ดิน แจงการตรวจสอบที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ดำเนินการอย่างเต็มที่ พร้อมกำชับให้ จนท.ที่ดิน จ.ภูเก็ต ประสานกับหน่วยงานของสังกัดกระทรวงเกษตรฯ
ตามที่สื่อมวลชนเสนอข่าวเกี่ยวกับการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ และปราบปรามการบุกรุกการถือครองที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จำนวน 815 แปลง มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท ของคณะทำงานว่าไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร ทั้งนี้ ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากการไม่ได้รับความร่วมมือจากกรมที่ดิน โดยเฉพาะการขอคัดถ่ายเอกสารที่เป็นสาระสำคัญ เช่น ส.ค.1 ทะเบียนการครอบครองที่ดิน รายงานการตรวจสอบที่ดินที่เสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัด ฯลฯ นั้น
นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล อธิบดีกรมที่ดิน ได้รับรายงานจากการตรวจสอบของ นายสิทธิชัย พรหมชาติ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง กรณีบันทึกการตรวจสอบสารบบที่ดินแปลงที่ระบุว่า ยังไม่ได้รับเอกสาร ปรากฏว่า รายละเอียดตามที่ขอให้ตรวจสอบเพิ่มเติม เช่น หลักฐานการยื่นคำขอ การตั้งคณะกรรมการตรวจพิสูจน์ที่ดิน การตรวจพิสูจน์ที่ดิน สำเนาทะเบียนการครอบครองของที่ดินแต่ละแปลง เป็นต้น สารบบแปลงที่ดินที่หาไม่พบส่วนใหญ่เป็นที่ดินซึ่งแบ่งแยกต่อเนื่องมาจากที่ดินแปลงเดิมที่ได้ถ่ายเอกสารให้แล้ว โดยสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง ได้มอบเอกสารสารบบทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติครบถ้วนแล้ว ซึ่งได้ถ่ายสำเนาเอกสาร จำนวน 2 ชุด เจ้าหน้าที่อุทยานรับไป 1 ชุด และเก็บไว้ ณ สำนักงานที่ดิน 1 ชุด จากการตรวจสอบสำเนาเอกสารที่เก็บไว้ ณ สำนักงานที่ดิน พบว่า เอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องต่อการออกเอกสารสิทธิมีอยู่ครบถ้วนถูกต้องตรงกับสารบบตัวจริง และฉบับที่เจ้าหน้าที่อุทยานรับไป เอกสารสารบบที่ดินแต่ละแปลงอาจไม่เหมือนกัน เนื่องจากเป็นการดำเนินการตรวจพิสูจน์ที่ดินตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบปฏิบัติแต่ละช่วงเวลาที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง และบางแปลงเป็นที่ดินแปลงที่แบ่งแยกมา เอกสารเกี่ยวกับการออกเอกสารสิทธิจะอยู่ในแปลงเดิม
“สาเหตุที่หาไม่พบอาจเป็นเพราะเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไม่มีความเชี่ยวชาญ เนื่องจากการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารสิทธิ จะต้องใช้ความรู้ความสามารถพอสมควรในการปฏิบัติงาน”
ทั้งนี้ กรมที่ดินได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง ให้ความร่วมมือ และอำนวยความสะดวก ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน 2557 แล้ว ต่อมาในปลายเดือนพฤศจิกายน 2557 กรมที่ดิน ยังได้มีหนังสือแจ้งไปยังจังหวัดทุกจังหวัด ให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดของกรมที่ดิน ยึดถือเป็นนโยบาย และพิจารณาให้ความสำคัญแก่หน่วยงานในสังกัดของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มาขอคัด หรือถ่ายสำเนาเอกสาร การที่มีปัญหาเดิมซ้ำๆ กัน น่าจะเป็นเรื่องที่เกิดจากการขาดการประสานงานกันภายในตามที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ให้ข่าวในลักษณะดังกล่าว กรมที่ดินจะได้มีหนังสือชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ทราบต่อไป
แต่อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่กรมอุทยานแห่งชาติเห็นว่า มีผู้บุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติ ก็ชอบที่จะดำเนินการอย่างอย่างใดอย่างหนึ่งตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกัน หรือบรรเทาความเสียหายที่เห็นว่าจะเกิดแก่อุทยานแห่งชาติได้ตามสมควรแก่กรณี ทั้งนี้ ตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504