xs
xsm
sm
md
lg

ผบ.ตร.ยังไม่ฟันธงปมบึ้มพารากอน รอได้ตัวคนร้ายมาดำเนินคดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด
ASTVผู้จัดการ - ผบ.ตร.เยี่ยมหน่วยอีโอดี เผยความคืบหน้าระเบิดหน้าห้างสยามพารากอน เป็นเรื่องการสืบสวนสอบสวนเพื่อหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดี โดยผู้บังคับบัญชาจะไม่เร่งเร่งรัดการทำงาน จนท.ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง จนกว่าจะได้ตัวคนร้าย

วันนี้ (9 ก.พ.) ที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.สปพ. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดินทางมาตรวจเยี่ยมและมอบสิ่งของรวมถึงให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ โดย พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรืออีโอดี เป็นหน่วยงานแรกที่เดินทางมาตรวจเยี่ยม เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่ทำงานเสี่ยงอันตรายเพื่อความสงบสุขของสังคมและประชาชน สำหรับเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้น หน่วยอีโอดีเป็นผู้ตรวจพิสูจน์ระเบิดที่ถูกนำมาใช้ว่าเป็นประเภทใด ทำงานอย่างไร เป็นชนิดเดียวกับที่เคยใช้ก่อเหตุหรือไม่ เพื่อให้ฝ่ายสืบสวนสอบสวนนำไปขยายผลคิดตามคนร้ายมาดำเนินคดี

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายวางระเบิดหน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้มีการออกหมายจับคนร้ายที่ก่อเหตุที่พารากอนเรียบร้อยแล้ว แต่เป็นการออกหมายจับตามภาพถ่ายที่สามารถตรวจสอบหรือมีพยานหลักฐานปรากฏอยู่ ส่วนรายละเอียดที่เกี่ยวข้องว่าบุคคลคนนั้นเป็นใครหรือเป็นกลุ่มใดต้องเป็นหน้าที่ของฝ่ายสืบสวนสอบสวน ขณะนี้ได้ใช้ความพยายามเต็มที่ที่จะติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติได้ดำเนินการตามขั้นตอน

“ผมไม่ได้ไปเร่งรัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติ หรือไม่มีผู้บังคัญบัญชาระดับสูงๆ มาเร่งรัดการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะท่านทราบดี หรือผมก็ทราบดีว่าการเร่งรัดหรือการกดดันจะนำไปสู่ความผิดพลาด เราอาจจะช้า ช้าแต่เราต้องรวบรวมพยานหลักฐานหรือสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และการข่าวต่างๆ เพื่อให้เกิดความแน่นอน เพราะว่าเรื่องที่เกิดขึ้น มันอาจจะเกิดจากประเด็นใดประเด็นหนึ่งซึ่งมีความเปราะบาง ถ้าเราด่วนสรุปหรือดำเนินการไปโดยที่ไม่มีความรอบคอบ อย่างที่ท่านนายกฯ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงบอกเสมอว่าทุกกรณีต้องทำให้ละเอียดรอบคอบ เป็นไปตามหลักฐานที่ปรากฏ และก็เป็นไปตามกฎหมาย จะไม่มีการให้ร้ายป้ายสีหรือกล่าวหาผู้ใด” พล.ต.อ.สมยศกล่าว

พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า การที่มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสงสัยกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ หรือมุ่งประเด็นไปที่คนนั้นคนนี้ก็เป็นเรื่องปกติในการตั้งประเด็นการสืบสวนสอบสวน แต่ไม่ใช่หมายความว่าคนที่ถูกเชิญมาสอบสวนหรือคนที่สงสัยนั้นจะเป็นผู้กระทำความผิด เพราะว่าการที่ตั้งประเด็นสงสัยหรือเชิญมาสอบสวนก็เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อให้สามารถจับกุมคนร้ายได้ บางคนที่เชิญมาให้ปากคำก็เพียงอยากทราบข้อมูลและรายละเอียดว่าเขาเหล่านั้นมีส่วนที่จะทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจง่ายขึ้น อย่างกรณีเชิญคนขับแท็กซี่มาสอบถามเพื่อหวังที่จะได้ข้อมูลหรือรายละเอียดที่สามารถระบุหรือนำไปสู่การจับกุมคนร้าย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ออกหมายจับไปกี่คนแล้ว พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ในเบื้องต้น 2 คน และขอไม่เปิดเผยรายละเอียด เพราะว่าถ้าการเปิดเผยไปแล้วจะทำให้การทำงานของตำรวจยากขึ้น คนร้ายอาจจะหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ หรือทำให้การติดตามจับกุมตัวยากขึ้น ขณะเดียวกัน หลักฐานที่ปรากฏในขณะนี้มีคนร้าย 2 คน ถ้าจากการสืบสวนหรือขยายผลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับใคร ก็คงต้องดำเนินการไปตามกฎหมายและหลักฐานที่ปรากฏ

เมื่อกลุ่มคนที่ออกหมายจับ ลักษณะเป็นเรื่องของการมุ่งทำร้ายหรือเป็นกลุ่มคนที่มุ่งหวังในเรื่องของการปั่นป่วน ผบ.ตร.กล่าวว่า เบื้องต้นก็เกี่ยวกับเรื่องการสร้างความหวาดกลัว ตกใจ หรือมุ่งหวังทางการเมืองหรือไม่ ก็ต้องรอการจับกุมก่อน เพราะถ้าเราจับกุมได้จะสามารถที่จะชี้ชัดลงไปได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นประเด็นในการสืบสวนสอบสวน เนื่องจากจะต้องตั้งประเด็นทุกประเด็น การเมืองก็ได้ การก่อความไม่สงบ หรือต้องการที่จะเกิดความสับสนวุ่นวายความหวาดกลัวขึ้นในสังคมก็ได้ อาจจะเป็นประเด็นที่สามารถเกิดขึ้นได้

“ตอนนี้เรายังไม่ตัดประเด็นใดออก เพราะยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน แต่ที่มีการสันนิษฐานก็เป็นเรื่องของแนวทางการสืบสวนว่า อาจจะเกิดจากการเมืองไหม อาจเกิดจากกลุ่มคนไม่พอใจด้วยเหตุนั้นเหตุนี้ไหม ก็มีหลายประเด็นซึ่งตั้งข้อสันนิษฐาน อาจจะเกิดจากความไม่พอใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจากใคร หรือคนบางคน หรือไม่พอใจรัฐบาล หรือไม่พอใจห้างสรรพสินค้าเองก็เป็นได้ เราไม่ได้ตัดทุกประเด็น เราพยายามสโคปลงมาเรื่อยๆ หรือตีกรอบลงมาจนกระทั่งชัดเจน ถึงวันที่มีการจับกุมหรือมีหลักฐานชัดเจน วันนั้นเราถึงจะตอบสื่อหรือตอบสังคมได้ว่าสาเหตุของการก่อเหตุในครั้งนี้เกิดจากอะไร” ผบ.ตร.กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตำรวจมีความมั่นใจว่าจะได้ตัวคนที่ก่อเหตุ ผบ.ตร.กล่าวว่า การทำงานของตน หรือที่ผู้บังคับบัญชาได้วางกรอบและมอบหมาย การจับกุมผู้ต้องหาหรือผู้ก่อเหตุนั้นคือความคาดหวังสูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือผู้ที่ทำงานและผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนการจะจับตัวได้หรือไม่ได้เป็นอีกประเด็นหนึ่ง แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องสรุปหรือออกหมายจับ หรือจนกระทั่งสรุปได้ว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ เพราะมีหลายคดีที่ทราบตัวผู้กระทำผิด มีหมายจับแต่จับตัวไม่ได้ เช่นกรณีคนร้ายเหล่านั้นหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้านซึ่งประเทศเหล่านั้นไม่มีสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดน โดยเราก็รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนอย่างไร มีหมายจับมีตัวตน แต่ไม่สามารถดำเนินการทางกฎหมายได้ ทำให้ไม่สามารถจับกุมได้ เพราะว่าประเทศเรามีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านเยอะแยะ ถ้าเขาทำแล้วกว่าเราจะพิสูจน์ทราบว่าเขาเป็นใคร ไม่เกิน 3 ชั่วโมงเขาก็ไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้านเราได้




กำลังโหลดความคิดเห็น