xs
xsm
sm
md
lg

RPGร่วงลูกจ้างทบ.เจ็บ5บึ้มพารากอนไม่คืบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เกิดเหตุระเบิดสรรพาวุธเกียกกาย ทบ.โร่แจงแค่อุบัติเหตุ ลูกจ้างเจ็บ 5 ไร้คนตาย เผยทำลูกจรวด RPG ร่วงขณะซ่อม จนไปกระแทกเครื่องมืออื่น รพ.พระมงกุฎฯเผยคนเจ็บอาการไม่หนัก ส่วนความคืบหน้าเหตุบึ้มบีทีเอสสยาม “บิ๊กป้อม” วอนอย่าคาดเดาสาเหตุ รอรวบคนร้ายได้รู้เองว่ากลุ่มไหน รับอาจเอี่ยวการเมือง ด้าน “บิ๊กโด่ง” สั่งทหารประสาน ตร.คุมเข้มป้องเหตุรุนแรง ขอ ปชช.ช่วยเป็นหูเป็นตา ผบ.ตร.อ้างเหตุทำคดีล่าช้า หวั่นใส่ร้ายใคร แจงไม่กดดันจนท. ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง จนกว่าจะได้ตัวคนร้าย

วานนี้ (9 ก.พ.) เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ได้เกิดเหตุระเบิดภายในกรมสรรพาวุธทหารบกเกียกกาย ย่านสะพานแดง เขตบางซื่อ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 5 ราย โดย 1 รายมีบาดแผลที่ศีรษะ และได้นำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าทั้งหมด

รายงานข่าวเปิดเผยว่า จุดเกิดเหตุเป็นโรงซ่อมอาวุธกองทัพบก ซึ่งขณะนั้นมีเจ้าหน้าที่ทหารกำลังซ่อมบำรุงเครื่องยิงจรวดอาร์พีจีอยู่ หัวกระสุนระเบิดเกิดหลุดตกพื้น ทำให้ดินระเบิดที่ยังไม่หมดเชื้อประทุระเบิดแตกกระจาย แต่ความรุนแรงน้อย โดยแรงระเบิดทำให้เศษกระสุนขนาดเท่าเศษเหล็กขนาดเล็ก และไขควงกระเด็นถูกที่ศีรษะทหารนายคนหนึ่งแตก นอกจากนี้ ยังมีทหารจำนวนหนึ่งมีอาการหูดับ

ภายหลังเกิดเหตุ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทหารอยู่ในระหว่างการตรวจสอบซ่อมบำรุงอาวุธ ซึ่งระเบิดชนิดที่เกิดอุบัติเหตุคือ ระเบิดอาร์พีจี ส่งผลให้มีเจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บจำนวน 5 นาย ไม่มีผู้เสียชีวิต โดยตนได้กำชับกรมสรรพาวุธทหารบกให้ปฏิบัติตามระเบียบอย่างชัดเจน เพราะเป็นเรื่องของอุบัติเหตุ

ทบ.ย้ำอุบัติเหตุ-ไร้คนตาย

ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ได้รายงานให้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ทราบเรื่องแล้ว และได้สั่งการให้ดูแลผู้บาดเจ็บ พร้อมกำชับกำลังพลให้เพิ่มความระมัดระวัง สำหรับสาเหตุเป็นการซ่อมอุปกรณ์ชุดเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี (ที่ไม่มีลูก) ของเจ้าหน้าที่ในโรงซ่อม แล้วขณะทำการซ่อมอยู่นั้น เกิดการจุดตัวของชุดขับเคลื่อนลูกจรวดที่อยู่ภายในกระบอกลำกล้องจรวด จึงมีผลทำให้ชุดขับเคลื่อนพุ่งทะลุหลุดออกมาไปกระแทกอุปกรณ์เครื่องมืออื่นบริเวณใกล้เคียง ทำให้มีเศษชิ้นส่วนแตกกระจาย จนไปทำให้มีกำลังพลได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจำนวน 5 นาย บาดเจ็บที่ศรีษะต้องเย็บแผล 1 นาย ลำตัว 1 นาย อีก 3 นาย จุกเนื่องจากแรงอัด

ขณะที่ พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวเสริมว่า อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นภายในหน่วยทหาร ไม่มีผลต่อบุคคลภายนอก และไม่มีผู้เสียชีวิต

พระมงกุฏฯปลอดภัยทั้ง 5 ราย

อีกด้าน พ.อ.นพ.พีระพล ปกป้อง รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เปิดเผยว่า มีผู้บาดเจ็บถูกส่งตัวมา 5 ราย ทั้งหมดเป็นลูกจ้างไม่ใช่นายทหาร โดยทั้งหมดพ้นขีดอันตรายแล้ว และทุกรายรู้สึกตัวดี

“บิ๊กป้อม” วอนอย่าเดาเหตุบึ้มสยาม

สำหรับความคืบหน้าในการติดตามจับกุมคนร้ายลอบวางระเบิดทางเชื่อมรถไฟฟ้าบีทีเอส สยาม และห้างสรรพสินค้าพารากอน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าไปกว่าร้อยละ 70 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความพยายามติดตามจับกุม ส่วนคนร้ายจะหนีออกนอกประเทศแล้วหรือไม่นั้นยังคาดเดาไม่ได้ แต่จะต้องจับคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีการคาดการณ์ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มการเมือง ส่วนจะเป็นกลุ่มใดขอให้ตำรวจจับกุมให้ได้ก่อน จึงจะรู้ข้อเท็จจริง

“ไม่อยากให้คาดเดาสาเหตุที่เกิดระเบิด โดยเฉพาะในโซเซียลมีเดียที่วิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก เพราะหลายเรื่องไม่ใช่เรื่องจริง ซึ่งอาจทำให้เกิดความวุ่นวายได้” พล.อ.ประวิตร กล่าว

“บิ๊กโด่ง” สั่งขันน๊อตมาตรการ รปภ.

ด้าน พล.อ.อุดมเดช ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ตนได้สั่งการไปยัง พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ให้หารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงรายละเอียดและประสานงานกันอย่างใกล้ชิด เพราะต้องร่วมกันรับผิดชอบดูแลเรื่องความมั่นคงและรักษาความสงบเรียบร้อย โดยได้กำชับให้ติดตามคดีดังกล่าว ซึ่งความคืบหน้ามีแนวโน้มที่จะสามารถทราบตัวผู้กระทำความผิดได้โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการเป็นหลัก ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ ตนได้สั่งการไปทุกพื้นที่ ไม่ใช่เฉพาะแค่พื้นที่ กทม. ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีความระมัดระวังมาโดยตลอด แต่การดูแลพื้นที่ควรต้องคำนึงถึงภาพพจน์ทั่วไปก่อน เพราะไม่อยากให้เป็นภาพของความตรึงเครียด

ผบ.ตร.ขอเวลา จนท.หาตัวมือบึ้ม

วันเดียวกัน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ขณะนี้มีการออกหมายจับคนร้ายที่ก่อเหตุที่ทางเชื่อมรถไฟฟ้าบีทีเอส สยามเรียบร้อยแล้ว แต่เป็นการออกหมายจับตามภาพถ่ายที่สามารถตรวจสอบหรือมีพยานหลักฐานปรากฏอยู่ ส่วนรายละเอียดที่เกี่ยวข้องว่าบุคคลคนนั้นเป็นใครหรือเป็นกลุ่มใดก็ต้องเป็นหน้าที่ของฝ่ายสืบสวนสอบสวน ซึ่งขณะนี้ได้ใช้ความพยายามเต็มที่ที่จะติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติได้ดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งอาจจะล่าช้าบ้าง แต่เราต้องรวบรวมพยานหลักฐานหรือสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้อง และการข่าวต่างๆเพื่อให้เกิดความแน่นอน

ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า “ตอนนี้เรายังไม่ตัดประเด็นใดออก เพราะยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน แต่ที่มีการสันนิษฐานก็เป็นเรื่องของแนวทางการสืบสวนว่า อาจจะเกิดจากการเมืองไหม อาจเกิดจากกลุ่มคนไม่พอใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือคนบางคน หรือไม่พอใจรัฐบาล ไม่พอใจห้างสรรพสินค้าเองก็เป็นได้ เราพยายามตีกรอบลงมาจนกระทั่งชัดเจน ถึงวันที่มีการจับกุมหรือมีหลักฐานชัดเจน วันนั้นเราถึงจะตอบสื่อหรือตอบสังคมได้ว่า สาเหตุของการก่อเหตุในครั้งนี้เกิดจากอะไร”

อุบหมายจับหวั่นคนร้ายเผ่น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ออกหมายจับไปแล้วกี่ราย พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ในเบื้องต้นมีการออกหมายจับ 2 ราย แต่ขอไม่เปิดเผยรายละเอียด เพราะว่าหากเปิดเผยไปแล้วจะทำให้การทำงานของตำรวจยากขึ้น คนร้ายอาจจะหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ หรือทำให้การติดตามจับกุมตัวยากขึ้น ขณะเดียวกันหลักฐานที่ปรากฏในขณะนี้มีคนร้าย 2 ราย ถ้าจากการสืบสวนหรือขยายผลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับใคร ก็คงต้องดำเนินการไปตามกฎหมายและหลักฐานที่ปรากฏ

เมื่อถามว่า ทางตำรวจมีความมั่นใจว่าจะได้ตัวคนที่ก่อเหตุหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหาหรือผู้ก่อเหตุนั้นคือความคาดหวังสูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ส่วนจะจับตัวได้หรือไม่ได้เป็นอีกประเด็นหนึ่ง แต่ สตช.จะต้องสรุปหรือออกหมายจับ หรือจนกระทั่งสรุปได้ว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ เพราะมีหลายคดีที่ทราบตัวผู้กระทำผิด มีหมายจับแต่จับตัวไม่ได้ เพราะคนร้ายหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจจะไม่มีสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
กำลังโหลดความคิดเห็น