ที่ปรึกษานายกฯ แนะกระทรวงการต่างประเทศทำความเข้าใจต่างประเทศส่งคนที่ทำผิด ม.112 กลับไทย ตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน หรือใช้วิธีแลกเปลี่ยนวิธีพิเศษ ยกความเป็นมิตรประเทศให้พิจารณา อ้างเหตุไม่ตามล่า “ทักษิณ” รัฐบาลเหลือเวลาน้อย ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการประสานกับต่างประเทศในการนำตัวคนไทยที่กระทำผิดกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามมาตรา 112 แล้วหนีไปอยู่ในต่างประเทศกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยว่า เราจำเป็นต้องมีการประสานกับต่างประเทศเพื่อพูดคุยเรื่องนี้
“ถ้าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ทางวิชาการทั่วไปก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นการนำเอามาเป็นประเด็นการเมือง เราก็ต้องขอให้รัฐบาลประเทศนั้นๆ ช่วยดูแล เพราะคนเหล่านี้ไปดึงเรื่องของสถาบันมาเป็นประเด็นโจมตีกันไปมา โดยใช้พื้นที่ของประเทศนั้นๆ เป็นฐานที่อยู่ ก็ต้องบอกเขาว่าประเด็นนี้คนไทยจำนวนมากรู้สึกและรับไม่ได้ เราต้องแยกแยะให้ฝรั่งได้รู้และเข้าใจว่าถ้าเป็นเรื่องวิชาการหรือพูดคุยทั่วไปเราไม่เคยไปยุ่งกับเขาเลย แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ไปใส่ร้าย ไปกล่าวหาว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาเล่นการเมือง เราก็ต้องบอกเขาเลยว่า เรามีกฎหมายแลกเปลี่ยนกันไม่ใช่เหรอ คนพวกนี้ทำผิดกฎหมาย ขอให้คุณช่วยหน่อย คุณจะทำอะไรได้บ้าง”
ส่วนการขอให้ต่างประเทศช่วย มีการระบุเลยหรือไม่ว่าขอให้ส่งตัวคนเหล่านี้กลับมา นายปณิธานกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องพิจารณาหลายอย่าง เช่น เขามีหมายจับหรือไม่ หรือถ้าไม่มีหมายจับแล้วหากเขาเคลื่อนไหวทางการเมือง คุณจะอนุญาตหรือไม่ ปกติคนเหล่านี้เข้าเมืองจะมีเงื่อนไขอยู่แล้วว่าถ้าเข้าเมืองเขาให้สิทธิพิเศษ ให้พาสปอร์ต แต่ห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ถ้าเป็นแบบนี้เขาก็ต้องไปจัดการกันเอง เราไม่ไปยุ่งเพียงแต่เราเตือนเขาว่านี่เห็นหรือไม่ว่าคนเหล่านี้ทำอะไร
“แต่ในกรณีที่มีหมายจับ ก็ต้องมาเทียบคดีว่าทำได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้เพราะคดีไม่เหมือนกัน เราก็ต้องขอความร่วมมืออีกแบบหนึ่ง เช่น อาจจะเป็นลักษณะการส่งผู้ร้ายข้ามแดน หรือถ้าสนธิสัญญาไม่มีก็อาจจะมีการแลกเปลี่ยนวิธีพิเศษ เหมือนที่เราทำกับกัมพูชาที่ตอนนี้ยังไม่มีกฎหมาย ทำได้หรือไม่ และถ้าไม่ได้คุณจะร่วมมืออย่างไรในฐานะที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดี คุณต้องเข้าใจก่อนว่าคนเหล่านี้ทำผิดหรือเปล่า เขาออกมาพูดหมิ่นสถาบันฯ อย่างเสียๆ หายๆ กับคนธรรมดาเขายังไม่ด่ากันอย่างนี้ ใส่ชื่อ ใส่อะไรแบบแปลกๆ คุณเห็นด้วยหรือไม่ ขนาดมีคนด่าประธานาธิบดี ด่านายกฯ คุณ คุณยังไม่ยอมเลย อย่างนี้คุณจะทำอะไรได้บ้าง และถ้าไม่เห็นด้วยจะทำอย่างไรกับคนเหล่านี้ที่หนีไปอยู่บ้านคุณ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความจริงหลายประเทศรู้อยู่แล้วว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเรื่องที่อ่อนไหวสำหรับบ้านเรามาก นายปณิธานกล่าวว่า เขาอาจจะนึกว่าเป็นเรื่องวิชาการ เป็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับกฎหมาย และต้องเข้าใจว่ากลุ่มที่ต้องการพูดเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์มีหลายกลุ่ม ถ้าเป็นกลุ่มคนหัวก้าวหน้าก็ไม่เป็นไร บางคนไม่กล้าพูดเพราะกลัวถูกเหมารวม แต่ความจริงพูดได้ เพียงแต่เราต้องแยกแยะให้ดี แต่กับกลุ่มที่ต้องการสร้างเงื่อนไขให้คนออกมาเผชิญหน้ากัน และมาเป็นเงื่อนไขในการเคลื่อนไหวโจมตีรัฐบาลก็ต้องดำเนินการ
“ท่านทรงเคยรับสั่งแล้วว่ากฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพต้องดูให้ดีว่ากฎหมายนี้มีไว้เพื่ออะไร จะใช้อย่างไร อย่าเอาไปใช้เป็นเครื่องมือ และเจ้าหน้าที่ บางทีก็กลัวเมื่อมีคนไปแจ้งความก็ไม่กล้าจะทำอะไร ในสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ ถึงได้การตั้งคณะกรรมการที่มีนายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ เป็นประธานขึ้นมาดูว่าคดีไหนควรจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง”
นายปณิธานกล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ในเรื่องของการพูดคุยกับประเทศต่างๆ คิดว่าทางกระทรวงการต่างประเทศกำลังดำเนินการอยู่และเขาก็ต้องระมัดระวังให้มากขึ้นเพราะมันมีทั้ง 2 เรื่อง คือ เรื่องทางการเมือง และเรื่องปกติทางอาญา ต่างประเทศเขามีความเข้าใจมากขึ้นและรัฐบาลที่มาจากทหารทำให้เขาระวังขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่เห็นรัฐบาลทำอะไร มัวแต่ไปวิ่งตามคดีเล็กๆ หรือกลัวว่าจะกระเพื่อม นายปณิธานกล่าวว่า ความจริงรัฐบาลพยายามเร่งรัดทุกเรื่อง ทุกอย่างให้เดินหน้าได้เพื่อรองรับรัฐธรรมนูญใหม่ รองรับการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และเวลาก็เหลืออีกไม่กี่เดือน ส่วนเรื่องของคดีต่างๆ ก็ปล่อยให้มันเดินไปในช่องทางตามกระบวนการยุติธรรม รัฐบาลไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้