xs
xsm
sm
md
lg

รัฐเมินไล่ล่านช.แม้วอ้างเวลาน้อย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"อารีย์ กลับเสถียร"บุคลากรโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มข. โพสต์เฟซบุ๊กหมิ่นสถาบัน ยื่นใบลาออก คณบดีคณะแพทย์อนุมัติแล้ว เชื่อถูกสังคมรอบข้างกดดันหนัก ด้าน "ปณิธาน"จี้บัวแก้วคุยกับประเทศให้ที่ซุกหัวพวกหมิ่นสถาบันฯ แนะแลกเปลี่ยนวิธีพิเศษ หากไม่มีสนธิสัญญา แจงกรณี "ทักษิณ" ปล่อยไปตามกระบวนการยุติธรรม รัฐบาลไม่ยุ่ง อ้างเวลาเหลือน้อย ขอทำสิ่งสำคัญ ทั้งรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้ง

จากกรณีนางอารีย์ กลับเสถียร เจ้าหน้าที่หอผู้ป่วยนอก แผนกหู คอ จมูก โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข) ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Aree Redshirt เข้าข่ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูง เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2557 และมีการแชร์โพสต์ในสื่อออนไลน์อย่างแพร่หลาย จากนั้นได้มีประชาชนในหลายจังหวัดแจ้งความดำเนินคดีต่อนางอารีย์

ต่อมาเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ฝ่ายทหาร ฝ่ายตำรวจ และฝ่ายปกครอง พร้อมด้วยตุลาการศาลทหาร มทบ.23 นิติกรคณะแพทยศาสตร์ มข. ได้ประชุมหารือกรณีดังกล่าว และลงมติว่าพฤติกรรมของนางอารีย์เข้าข่ายหมิ่นสถาบัน มีความผิดตามมาตรา 112 โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย

รศ.วิทูรย์ ประเสริฐเจริญสุข รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษและการสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์ มข. เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นางอารีย์ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นบุคลากรคณะแพทยศาสตร์ มข. และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ได้ลงนามอนุมัติให้ลาออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภายหลังเกิดเหตุนางอารีย์ ได้รับความกดดันจากสังคมรอบข้างค่อนข้างหนัก น่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ต้องลาออกจากงานเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคดีความ เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการประสานกับต่างประเทศ ในการนำตัวคนไทยที่กระทำผิดกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแล้วหนีไปอยู่ในต่างประเทศ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ว่า จำเป็นต้องมีการประสานกับต่างประเทศเพื่อพูดคุยเรื่องนี้ เพราะหากเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ทางวิชาการทั่วไป ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นการนำเอามาเป็นประเด็นการเมือง ก็ต้องขอให้รัฐบาลประเทศนั้นๆ ช่วยดูแล เพราะคนเหล่านี้ไปดึงเรื่องของสถาบันฯ มาเป็นประเด็นโจมตีกันไปมา โดยใช้พื้นที่ของประเทศนั้นๆ เป็นฐานที่อยู่

"ก็ต้องบอกเขาว่า ประเด็นนี้ คนไทยจำนวนมากรู้สึกและรับไม่ได้ เราต้องแยกแยะให้ฝรั่งได้รู้ และเข้าใจว่า ถ้าเป็นเรื่องวิชาการ หรือพูดคุยทั่วไป เราไม่เคยไปยุ่งกับเขาเลย แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ไปใส่ร้าย ไปกล่าวหาว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาเล่นการเมือง เราก็ต้องบอกเขาเลยว่า เรามีกฎหมายแลกเปลี่ยนกันไม่ใช่เหรอ คนพวกนี้ทำผิดกฎหมาย ขอให้คุณช่วยหน่อย คุณจะทำอะไรได้บ้าง" นายปณิธาน กล่าว

เมื่อถามว่า การขอให้ต่างประเทศช่วย มีการระบุเลยหรือไม่ว่า ขอให้ส่งตัวคนเหล่านี้กลับมา นายปณิธาน กล่าวว่า เรื่องนี้มันต้องพิจารณาดูหลายอย่าง เช่น เขามีหมายจับหรือไม่ หรือถ้าไม่มีหมายจับ แล้วหากเขาเคลื่อนไหวทางการเมือง คุณจะอนุญาตหรือไม่ ซึ่งปกติคนเหล่านี้ เข้าเมืองจะมีเงื่อนไขอยู่แล้วว่าถ้าเข้าเมือง เขาให้สิทธิพิเศษ ให้พาสปอร์ต แต่ห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ถ้าเป็นแบบนี้ เขาก็ต้องไปจัดการกันเอง เราไม่ไปยุ่ง เพียงแต่เราเตือนเขาว่านี่เห็นมั้ยคนเหล่านี้ทำอะไร

ส่วนในกรณีที่มีหมายจับ ก็ต้องมาเทียบคดีว่า ทำได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ เพราะคดีไม่เหมือนกัน ก็ต้องขอความร่วมมืออีกแบบหนึ่ง เช่นอาจจะเป็นลักษณะการส่งผู้ร้ายข้ามแดน หรือถ้าสนธิสัญญาไม่มี ก็อาจจะมีการแลกเปลี่ยนวิธีพิเศษ เหมือนที่เราทำกับกัมพูชา ที่ตอนนี้ยังไม่มีกฎหมาย ทำได้หรือไม่ และถ้าไม่ได้ คุณจะร่วมมืออย่างไรในฐานะที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดี คุณต้องเข้าใจก่อนว่า คนเหล่านี้ทำผิดหรือเปล่า เขาออกมาพูดหมิ่นสถาบันฯ อย่างเสียๆ หายๆ กับคนธรรมดาเขายังไม่ด่ากันอย่างนี้ ใส่ชื่อ ใส่อะไรแบบแปลกๆ คุณเห็นด้วยหรือไม่ ขนาดมีคนด่าประธานาธิบดี ด่านายกฯ คุณ คุณยังไม่ยอมเลย อย่างนี้คุณจะทำอะไรได้บ้าง และถ้าไม่เห็นด้วย จะทำอย่างไรกับคนเหล่านี้ที่หนีไปอยู่บ้านคุณ

เมื่อถามว่า ความจริงหลายประเทศรู้อยู่แล้วว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเรื่องที่อ่อนไหวสำหรับบ้านเรามาก นายปณิธาน กล่าวว่า เขาอาจจะนึกว่าเป็นเรื่องวิชาการ เป็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับกฎหมาย และต้องเข้าใจว่า กลุ่มที่ต้องการพูดเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์มีหลายกลุ่ม ถ้าเป็นกลุ่มคนหัวก้าวหน้า ก็ไม่เป็นไร บางคนไม่กล้าพูด เพราะกลัวถูกเหมารวม แต่ความจริงพูดได้ เพียงแต่เราต้องแยกแยะให้ดี แต่กับกลุ่มที่ต้องการสร้างเงื่อนไขให้คนออกมาเผชิญหน้ากัน และมาเป็นเงื่อนไขในการเคลื่อนไหวโจมตีรัฐบาล ก็ต้องดำเนินการ

"ท่านทรงเคยรับสั่งแล้วว่า กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ต้องดูให้ดีว่า กฎหมายนี้ มีไว้เพื่ออะไร จะใช้อย่างไร อย่าเอาไปใช้เป็นเครื่องมือ และเจ้าหน้าที่ บางทีก็กลัว เมื่อมีคนไปแจ้งความ ก็ไม่กล้าจะทำอะไร ซึ่งในสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ ถึงได้การตั้งคณะกรรมการที่มี นายกิตติพงศ์ กิตยารักษ์ เป็นประธาน ขึ้นมาดูว่าคดีไหนควรจะฟ้อง หรือไม่ฟ้อง"

นายปณิธาน กล่าวด้วยว่า ในเรื่องของการพูดคุยกับประเทศต่างๆ คิดว่าทางกระทรวงการต่างประเทศกำลังดำเนินการอยู่ และเขาก็ต้องระมัดระวังให้มากขึ้น เพราะมันมีทั้ง 2 เรื่อง คือ เรื่องทางการเมือง และเรื่องปกติทางอาญา ซึ่งคิดว่าต่างประเทศเขามีความเข้าใจมากขึ้น และคิดว่ารัฐบาลที่มาจากทหารทำให้เขาระวังขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า คดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่เห็นรัฐบาลทำอะไรเลย มัวแต่ไปวิ่งตามคดีเล็กๆ หรือกลัวว่าจะกระเพื่อม นายปณิธาน กล่าวว่า ความจริงรัฐบาลพยายามเร่งรัดทุกเรื่อง ทุกอย่างให้เดินหน้าได้ เพื่อรองรับรัฐธรรมนูญใหม่ รองรับการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และเวลาก็เหลืออีกไม่กี่เดือน ส่วนเรื่องของคดีต่างๆ ก็ปล่อยให้มันเดินไปในช่องทางตามกระบวนการยุติธรรม รัฐบาลไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น