ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กรมที่ดิน แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการออกเอกสารสิทธิที่ดินในอุทยานแห่งชาติสิรินาถแล้ว ลุยตรวจสอบ ส.ค.1 จำนวน 370 แปลง ที่ใช้ออกโฉนดที่ดินให้แล้วเสร็จภายใน 60 วันนับจากนี้ แจงยังสรุปไม่ได้ ส.ค.1 ที่นำมาออกโฉนดมิชอบด้วยกฎหมาย ไม่ยังมีหลักฐานการสำรวจการถือครองที่ดิน และบัญชีรายชื่อเจ้าของที่ดินที่ทางราชการได้จ่ายค่าชดเชยที่ดินในเขตอุทยานฯ แต่อย่างใด
เมื่อเวลา 16.00 น.วันนี้ (21 ก.ค.) นายธรรมศักดิ์ ชนะ รองอธิบดีกรมที่ดิน พร้อมด้วยนายสมยศ เล่าชู เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต นายสิทธิชัย พรหมชาติ เจ้าพนักงานที่ดินส่วนแยกถลาง จ.ภูเก็ต และคณะ เข้าพบ นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายเสรี พาณิชย์กุล ปลัดจังหวัดภูเก็ต เพื่อชี้แจงกรณีที่กรมที่ดิน ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิในที่ดินในอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต ณ.ห้องทำงานผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต
นายธรรมศักดิ์ ชนะ รองอธิบดีกรมที่ดิน กล่าวว่า ภายหลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีคำสั่งเรื่องการปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ ทางอธิบดีกรมที่ดิน นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า อธิบดีกรมที่ดิน จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง มีตนเป็นประธาน และร่วมปฎิบัติงานในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อประสานงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต
โดยคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะทำหน้าที่ในการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดินจำนวน 370 แปลง ที่ทางกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ระบุว่า การออกเอกสารสิทธิมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน หรือ ส.ค.1 ซึ่งเป็นเอกสารที่ใช้ออกเอกสารสิทธิที่ดินไม่ถูกต้อง เนื่องจาก ส.ค.1 ที่เคยมีการแจ้งครอบครองไว้แล้วนั้น ทางกรมอุทยานฯ ได้จ่ายค่าชดเชยให้แก่ผู้แจ้งครอบครองไปแล้ว เมื่อมีการประกาศเป็นอุทยานสิรินาถในปี 2524 ซึ่งการตรวจสอบนั้นทางคณะกรรมการฯ จะต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 60 วัน นับจากวันนี้
อย่างไรก็ตาม กรณีที่ทางกรมอุทยานฯ ได้กล่าวอ้างว่าปฏิบัติการทวงคืนพื้นป่าอุทยานฯ สิรินาถไม่มีความคืบหน้าเนื่องจากไม่ได้รับความร่วมมือในการขอเอกสารการออกเอกสารสิทธิที่ดินจากกรมที่ดินนั้น นายธรรมศักดิ์ กล่าวว่า การออกเอกสารสิทธิที่ดินไม่ได้ดำเนินการเพียงกรมที่ดินเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น แต่ละแปลงจะต้องดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ฝ่ายปกครอง ป่าไม้ อุทยาน ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 43 (พ.ศ.2537) รวมทั้งที่ผ่านมา ทางกรมที่ดินส่วนแยกถลาง ก็ได้มีการสอบถามไปยังกรมอุทยานฯ ถึงหลักฐานในการจ่ายชดเชยให้แก่ผู้ที่ถือ ส.ค.1 แต่ไม่ได้รับคำตอบจากกรมอุทยานฯ แต่อย่างใด
นายธรรมศักดิ์ กล่าวเพิ่มว่า ตามที่ได้มีการตรวจสอบเอกสารสิทธิที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ และแจ้งต่อสื่อมวลชนว่า เอกสารสิทธิโฉนดที่ดินที่ออกในเขตอุทยานฯ สิรินาถไม่ถูกต้อง เนื่องจากที่ดินในเขตอุทยานฯ ไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ และแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ได้ยกเลิกไปแล้วตั้งแต่ออกกฎกระทรวงกำหนดให้เป็นป่าสงวนแห่งชาติเมื่อปี 2507 ทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้ถือกรรมสิทธิในที่ดิน และความเชื่อถือต่อเอกสารสิทธิในที่ดินที่ออกโฉนดโดยกรมที่ดิน
กรมที่ดิน ขอแจ้งข้อเท็จจริงว่า ที่ดินที่มีการเสนอข่าวเป็นที่ดินที่มีการยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินจำนวน 3 แปลง ประกอบด้วย แปลงที่ 1 รายนายนคร วงษ์สีทอง ขอออกโฉนดที่ดินจากหลักฐาน ส.ค.1 เลขที่ 32 หมู่ที่ 2 ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 92-2-30 ไร่ ตามคำขอลงวันที่ 4 ก.พ.2553 แปลงที่ 2 ราย น.ส.อโนมา ฝางเสน ขอออกโฉนดที่ดินจาก ส.ค.1 เลขที่ 23 หมู่ที่ 2 ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 83-3-31 ไร่ ตามคำขอลงวันที่ 4 ก.พ.2553 และที่ดินแปลที่ 3 รายนายจันทร์ พงษ์พา ขอออกโฉนดที่ดินจากหลักฐาน ส.ค.1 เลขที่ 23 หมู่ที่ 2 ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 112-2-40 ไร่ ตามคำขอออกลงวันที่ 4 ก.พ.2553
ที่ดินทั้ง 3 แปลงตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขารวก-ป่าเขาเมือง เขตป่าไม้ถาวรและเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถเต็มทั้งแปลง ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจพิสูจน์ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 43 (พ.ศ.2537) แล้ว อุทยานฯ ได้มีหนังสือคัดค้านการออกโฉนดที่ดินทั้ง 3 แปลง โดยแจ้งว่า ส.ค.1 ที่นำมาเป็นหลักฐานการขอออกโฉนดที่ดินเป็น ส.ค.1 ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขณะนี้ที่ดินทั้ง 3 แปลงยังไม่ได้มีการออกโฉนดที่ดินแต่อย่างใด ซึ่งหากตรวจสอบแล้วเห็นว่าเป็น ส.ค.1 ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจริงก็จะให้สำนักงานที่ดินภูเก็ต สาขาถลาง ดำเนินการยกเลิกเรื่องการออกโฉนดที่ดินทั้ง 3 แปลงต่อไป
ส่วนกรณีที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้คัดค้านการออกโฉนดที่ดินโดยอ้างว่า กรมป่าไม้ได้มีการจ่ายเงินชดเชยให้เจ้าของที่ดินที่เข้ามาอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติก่อนการประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ เมื่อพ.ศ.2524 หลังจากนั้นไม่สามารถออกเอกสารสิทธิในเขตอุทยานได้อีก สำนักงานที่ดินสาขาถลาง ได้เคยให้จังหวัดประสานกับกรมอุทยานฯ เพื่อขอหลักฐานการาสำรวจการถือครองที่ดิน และบัญชีรายชื่อเจ้าของที่ดินที่ทางราชการได้จ่ายค่าชดเชยที่ดินในเขตอุทยานฯ แต่ยังไม่ได้รับหลักฐานการตรวจสอบ และบัญชีรายชื่อแต่อย่างใด จึงยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ส.ค 1 ที่นำมาเป็นหลักฐานในการออกโฉนดดังกล่าว ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอแจ้งว่า ได้ตรวจสอบการบุกรุกอุทยานฯ จำนวน 20 แปลง ยังไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นที่ดินแปลงใด แต่ในการประชุมเมื่อวันที่ 8 ก.ค.2557 กรมอุทยานฯ แจ้งว่า ได้ขอรับการสนับสนุนข้อมูลจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ จำนวน 14 ราย ได้แก่ 1.โรงแรมภูเก็ตเพนนินซูลา สปา แอนด์ รีสอร์ท จำกัด 2.บริษัท เซ็นทรัล แอนด์ซิตี้ ดิวิลอปเม้นท์ จำกัด 3.บริษัท แลนสเตท จำกัด 4.นางสุชาดา สังข์สุวรรณ 5.บริษัท เดอะอันดามัน ไพรเวทบีช จำกัด 6.บริษัท สุรีสัมฤทธิ์ จำกัด 7.บริษัท พาวิลเลียน บีช รีสอร์ท จำกัด 8.โครงการลาคลอรีน 9.บริษัท ลายันภูเก็ต จำกัด 10.บริษัท ทรีดอลฟินซ์ จำกัด 11.โรงแรมภูเก็ตอคาเดีย 12.โครงการบ้านฝรั่ง 13.บริษัท ในทอนบีช จำกัด บริษัท มาลัยวนา ฮิลล์ จำกัด และ 14.โครงการอิสทานา
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ กรมที่ดินได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิในที่ดินในเขตอุทยานฯ แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบของคณะกรรมการดังกล่าว