กรมที่ดินเร่งสางปัญหารุกอุทยานแห่งชาติสิรินาถ

กรมที่ดินเร่งแก้ปัญหาการรุกล้ำอุทยานแห่งชาติสิรินาถ โดยตั้งรองอธิบดีฯ เป็นประธานคณะกรรมการดำเนินการตรวจสอบ โดยให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน

นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เชิญผู้บริหารระดับสูงของกรมที่ดิน คือ นายสมคิด ศริ และ นายณรงค์ศักดิ์ โอสภธนากร ที่ปรึกษากรมที่ดิน พร้อมด้วยรองอธิบดีทั้ง 4 ท่าน คือ นายธรรมศักดิ์ ชนะ นายวานิตย์ อินทรักษ์ นายปราโมทย์ ยามาลี และนายสุจิต จงประเสริฐ ร่วมประชุมหารือ และกำหนดแนวทางในการปฏิบัติเพื่อสนับสนุน และร่วมมือกับส่วนราชการอื่น ในการแก้ไขปัญหาการรุกล้ำอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ซึ่งกรมที่ดิน เกี่ยวข้องในการออกโฉนดที่ดินให้แก่ประชาชน ที่นำเอกสารสิทธิ์ คือ ส.ค.1 มาเป็นหลักฐานในการออกโฉนดที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ต่างกรรมต่างวาระ ตั้งแต่ก่อนประกาศเขตอุทยาน พ.ศ.2524 และมาจนกระทั่งปัจจุบัน ก็คงยังมีการอ้าง ส.ค.1 เพื่อออกเอกสารสิทธิ รวมแล้วไม่น้อยกว่า 300 แปลง เนื้อที่ประมาณ 2,000 กว่าไร่

นายพีระศักดิ์ ได้กล่าวในการประชุมว่า ตนเข้าใจดีว่าขั้นตอนกระบวนการในการออกโฉนดที่ดินให้แก่ประชาชน หรือเอกชน มีข้อกำหนดและแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนตามบทบัญญัติของกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดความถูกต้องและกรมที่ดินไม่สามารถออกเอกสารสิทธิได้โดยลำพัง จะต้องได้รับการรับรองแนวเขตจากผู้ปกครองท้องที่ และที่ดินข้างเคียงกับแปลงที่ขอออกโฉนดที่ดิน ไม่ว่าจะเป็นประชาชน หรือเอกชนผู้ครอบครอง หรือผู้มีหน้าที่ดูแลรักษาที่ดินของรัฐ เช่น ถ้าที่ดินติดกับชายหาด หรือแม่น้ำ กรมเจ้าท่า จะต้องเป็นผู้รับรองแนวเขต หรือติดที่สาธารณประโยชน์ ถนนสาธารณะ ผู้ปกครองท้องที่ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือผู้บริหารท้องถิ่นจะเป็นผู้รับรองแนวเขต ส่วนที่ดินที่อยู่ติด หรืออยู่ในเขตอุทยาน ก็เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่จะต้องมอบหมายให้เจ้าหน้าที่รับรองแนวเขตจึงจะสามารถออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ขอได้

ดังนั้น การออกโฉนดที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จึงมีความเป็นไปได้ที่จะมีการปฏิบัติงานหรือรับรองแนวเขตจากเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายโดยมีเจตนาทุจริตช่วยเหลือผู้ขอออกเอกสารสิทธิ โดยมีผลประโยชน์ตอบแทนจึงจะต้องพิจารณาเป็นรายแปลง หรือพิจารณาตามข้อร้องเรียนของประชาชน และผู้มีส่วนได้เสีย อย่างไรก็ดี ขณะนี้กรมที่ดิน ได้แต่งตั้งคณะกรรมการการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการออกเอกสารสิทธิในส่วนงานอุทยานแห่งชาติสิรินาถ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ทุกแปลงโดยมอบหมายให้ นายธรรมศักดิ์ ชนะ รองอธิบดีกรมที่ดิน เป็นประธานฯ และให้คณะกรรมการชุดนี้ได้ดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องของการออกเอกสารสิทธิในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถทุกแปลง และให้เร่งรัดดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 60 วัน หากพบว่าการออกเอกสารสิทธิแปลงใด ถูกสงสัยว่ามีการทุจริตก็ให้เร่งดำเนินการสอบสวน เพื่อเพิกถอนสิทธิ และดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องอย่างเฉียบขาด ฉับพลัน

“ในที่ประชุมคณะผู้บริหารระดับสูงของกรมที่ดิน ได้มีการให้ความเห็นว่า ทางกรมที่ดินจะต้องให้ความร่วมมือต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อการดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารสิทธิ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กองทัพเรือ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต รวมถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งได้รับทราบจากสื่อมวลชนว่า ได้ตั้งอนุกรรมการไต่สวนกรณีการบุกรุกที่มีพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถแล้ว กรมที่ดินจะต้องพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยอย่างเต็มที่”

เพื่อประสานงาน และให้ความร่วมมือดังกล่าว จึงมอบหมายให้ นายธรรมศักดิ์ ชนะ รองอธิบดีกรมที่ดิน เป็นผู้แทนอธิบดีกรมที่ดินไปปฏิบัติงานในพื้นที่ ประจำสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.2557 จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพื่อร่วมมือกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ ดังนั้น หากส่วนราชการใดต้องการข้อมูล หรือการสนับสนุนในการแก้ไขปัญหานี้ สามารถติดต่อกับรองอธิบดีกรมที่ดินได้โดยตรง ทั้งนี้ อธิบดีกรมที่ดิน ยังได้กำชับว่า หากพบว่าเจ้าหน้าที่ของกรมที่ดินคนใด ไม่ว่าจะเป็นระดับสูง หรือระดับล่าง เป็นเจ้าหน้าที่ในอดีต หรือปัจจุบัน มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการออกเอกสารสิทธิให้แก่ประชาชน หรือเอกชนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือเอื้อประโยชน์ต่อนายทุน ก็ให้รองอธิบดีรีบรายงานให้กรมที่ดินทราบเพื่อจะได้ดำเนินการทางวินัย และทางอาญาโดยเฉียบขาดต่อไป นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำต่อผู้บริหารระดับสูงของกรมที่ดินว่า จะต้องร่วมมือกันขจัดคนไม่ดีออกไปจากองค์กร และทำกรมที่ดินไปสู่องค์กรธรรมาภิบาล เป็นที่พึ่ง และให้บริการประชาชนตามอำนาจหน้าที่ด้วยความถูกต้อง เป็นธรรมเท่าเทียม และทั่วถึง ไม่มีการเลือกปฏิบัติ อีกทั้งยังได้กำชับให้ นายธรรมศักดิ์ ชนะ รองอธิบดีได้ให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาการรุกล้ำอุทยานแห่งชาติสิรินาถอย่างจริงจังด้วย