เอ็น.ซี. หวั่นปัญหาการเมือง-เศรษฐกิจ กระทบอสังหาฯ วางแผนลงทุนปี 58 ระมัดระวัง ปรับตัวเร็วเปิด 3 โครงการ มูลค่า 2-3 พันล้านบาท คาดหนุนยอดขาย 3,300 ล้านบาท ยอมรับเนื้อหอมนักลงทุนจีบซื้อหุ้น 25-30% ร่วมลงทุน ยันไม่ตกลงเหตุข้อเสนอยังไม่น่าสนใจ
นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NCH เปิดเผยว่า ภารวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 58 มีแนวโน้มเติบโตจากปี 56 ประมาณ 10% จากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง ดอกเบี้ยในระดับต่ำ ราคาน้ำมัน แต่อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงโดยเฉพาะเศรษฐกิจต่างประเทศที่ยังมีความผันผวนอย่างมาก อาจส่งผลกระทบต่อภาคส่งออก และเศรษฐกิจของไทยได้ นอกจากนี้ ปัญหาการเมืองยังน่าเป็นห่วงว่า หลังจากนี้จะเปิดปัญหารุนแรงขึ้นอีกหรือไม่ ดังนั้น การดำเนินธุรกิจในปีนี้จะต้องมีความระมัดระวัง ปรับตัวเร็ว บริหารการเงินให้ดี รักษาอัตราหนี้สินต่อทุนในอยู่ในระดับต่ำ
สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ประมาณ 3 โครงการ มูลค่า 2,000-3,000 ล้านบาท เป็นบ้านแนวราบทั้งหมด กระจายออกไปในทำเลใหม่ ซึ่งกลุ่มลูกค้าบ้านราคาดังกล่าวไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องถูกปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคาร และได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจน้อย ซึ่งปัจจุบันยอดปฏิเสธสินเชื่ออยู่ที่ระดับ 20-30% ปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 10-20% เท่านั้น โดยส่วนหนึ่งมากจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น
“การเปิด 3 โครงการดังกล่าวถือเป็นการวางแผนอย่างระมัดระวังท่ามกลางความไม่แน่นอนทั้งเศรษฐกิจ และการเมือง แต่หากเศรษฐกิจดีเราสามารถเพิ่มการลงทุนได้ หรือหากเกิดปัญหาขึ้นก็สามารถปรับลดการลงทุนได้เช่นกัน ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้เพราะบริษัทมีสินค้ารอขายทั้งที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างก่อสร้าง และยังเป็นที่ดินเปล่าในแปลงจัดสรรมูลค่า 6,000 ล้านบาท รวมถึงที่ดินเปล่ารอการพัฒนากว่า 800 ไร่” นายสมเชาว์ กล่าว
ล่าสุด บริษัทได้โครงการแนวราบจากบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) จำนวน 1 โครงการ ย่านราชพฤกษ์ ซึ่งเป็นโครงการเก่าที่ถูกทิ้งร้าง โดยพัฒนาถนน และระบบสาธารณูปโภคแล้ว ซึ่งบริษัทจะนำมาพัฒนาต่อ เป็นบ้านเดี่ยวราคา 6-7 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 100 กว่ายูนิต มูลค่าโครงการราว 700-800 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดขายได้ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า และเริ่มเริ่มโอนได้บางส่วนราว 50% ที่เหลือน่าจะทยอยโอนในปี 59
สำหรับเป้าหมายยอดขายปีนี้ตั้งไว้ที่ 3,300 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ส่วนเป้าหมายรายได้รวมตั้งไว้ที่ 2,200 ล้านบาท ปรับเพิ่มเล็กจากปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งจะมาจากยอดขายรอรับรู้รายได้ หรือ backlog ที่ปัจจุบันมีประมาณ 1,800-1,900 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในปีนี้ประมาณ 70-80% ในจำนวน backlog ดังกล่าวเป็นยอดขายคอนโดฯ ที่พัทยา 1,000 ล้านบาท เริ่มรับรู้ล็อตแรกช่วงเดือนเมษายนราว 600-700 ล้านบาท
นายสมเชาว์ เปิดเผยอีกว่า ช่วงที่ผ่านมา มีนักลงทุนเข้ามาเจรจาผ่านโบรกเกอร์ เช่น ขอซื้อหุ้นสัดส่วน 25-30% โดยขอเข้าร่วมในการบริหารงาน และขอแลกหุ้นของอาคารสำนักงาน หรือโรงแรมกับหุ้นของบริษัท และขอเข้าร่วมในการบริหารงาน ซึ่งได้ปฏิเสธไปเนื่องจากข้อเสนอไม่น่าสนใจ
“ข้อเสนอที่โบรกเกอร์เสนอมาล้วนไม่น่าสนใจเพราะทุกรายต้องการเข้ามาบริหารในเอ็น.ซี. ซึ่งผมไม่ต้องการ ปัจจุบันถือหุ้นอยู่ประมาณ 70% จึงไม่ต้องการให้คนอื่นเข้ามาบริหาร แต่หากมีข้อเสนอที่ดีกว่านี้ก็อาจตกลงก็ได้” นายสมเชาว์ กล่าว