นายกฯ และหัวหน้า คสช.ยันปฏิรูปของรัฐมีแค่สภาเดียว โยน “วิษณุ” ดู สปท.ตั้งสภากระจกได้หรือไม่ อ้างไม่อยากให้ขัดแย้งเพิ่มจะไปไม่ได้ จี้หาข้อสรุป ย้ำ 11 เรื่องไม่ใช่ทำได้ในปีเดียว จ่อให้รัฐใหม่รับช่วงต่อ บอกโพลสำรวจแค่คนจำนวนไม่มาก โวยเดินหน้าแก้ปมก็เจอสกัดกั้น โอ่พอใจกับสิ่งที่ทำ ชี้ข่าวโกงทำรัฐไม่กล้าปล่อยเงิน เผยมีแผนรับมือเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ระบุ 5 เดือนมีเวลาจำกัดแต่ทุกคนตื่นตัว
วันนี้ (27 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงถึงการตั้งสถาบันปฎิรูปประเทศ (สปท.) คู่ขนานกับสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่ารัฐบาลจะเกี่ยวข้องกับ สปช.สภาเดียว นอกนั้นไม่ใช่ ความจริงมีช่องทางในการส่งเรื่องมายัง สปช.หลายช่องทาง เช่น ผ่านทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ศูนย์ดำรงธรรม และสำนักงานเลขาธิการ สปช. ซึ่งเป็นช่องทางโดยตรงที่สามารถทำได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า จุดประสงค์ที่ตั้ง สปท.เพราะต้องการเป็นสภากระจกสะท้อนการทำงานของ สปช. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องดูว่าจะตั้งได้หรือไม่กับการตั้งสภากระจก ต้องถามนักกฎหมาย ตนไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายไปหารือในเรื่องนี้ ตนไม่ขัดข้องในการที่จะฟังความเห็นของคนทั้งประเทศ แต่อยากให้ฟังและหาทางออก หาข้อสรุปให้ได้ ถ้าฟังแล้วไปกันไม่ได้ ไม่รู้จะฟังกันตรงไหน เพราะทุกคนคือประชาชนด้วยกันทั้งหมด ถ้าขัดแย้งกันตั้งแต่ต้นจะไปไม่ได้ แต่ทำอย่างไรจึงจะหาข้อสรุปได้ ตรงนี้ถือว่าสำคัญ
“ผมอยากย้ำอีกครั้งว่าการปฏิรูปไมใช่ว่าจะทำได้ในปีเดียว ใน 11 เรื่องที่จะปฏิรูปต้องมีเรื่องระยะสั้นที่จะต้องทำให้ได้ภายใน 1 ปี ส่วนที่เหลือรัฐบาลต่อจากนี้ต้องรับช่วงต่อไป เพราะนี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น แต่นี่ก็เริ่มมีความขัดแย้งกันอีกแล้ว ความจริงผมไม่อยากยุ่งเกี่ยว แต่ถือว่าเมื่อเข้ามารับผิดชอบแล้วต้องขอร้องทุกคนไปหาช่องทางที่จะทำอย่างไรให้เกิดการปฏิรูปให้ได้ และถ้าไม่ทำวันนี้วันหน้าจะทำไม่ได้แล้ว ผมรู้ว่าทุกคนรักชาติ แต่ต้องหาข้อสรุปให้ได้ วันนี้ทุกคนมีความเห็นแตกต่างกันมาก ทำอย่างไรจะหาตรงกลางเดินไปให้ได้ และทุกฝ่ายพอใจบนพื้นฐานของประเทศชาติ ไม่ใช่พอใจในพื้นฐานของตัวเอง ถ้าตัวเราดีจริงไม่มีปัญหาหรอก ไม่ได้ต้องการให้ทุกคนมาคิดเหมือนผม คิดต่างได้แต่อย่าสร้างความขัดแย้ง อยู่ร่วมกันให้ได้ มีอะไรเสนอมา ผมรับหมด ถือเป็นเรื่องยากที่จะสร้างความเข้าใจในเวลาอันสั้น ปัญหาเกิดมานานแล้ว เรามาแก้ตามหลังกัน อะไรที่ไม่เกี่ยวข้องพยายามลดลงหน่อย จะได้ไม่สร้างความขัดแย้ง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการสำรวจความนิยมของรัฐบาลที่เริ่มลดลงว่า ความจริงเป็นการทำโพลกับคนจำนวนไม่มาก ขึ้นบ้าง-ลงบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เป็นไร ถ้าคะแนนนิยมขึ้นจะมีกำลังใจหน่อย แต่ถ้าลงก็มีกำลังใจน้อยลงนิดหนึ่ง ไม่เป็นไรจะมากหรือน้อย ตนมานั่งนึกอยู่เหมือนกันว่าที่ผ่านมาแก้ปัญหาได้มากหรือยัง เพียงพอหรือไม่ เพราะปัญหามีทั้งเร่งด่วนและเฉพาะหน้า ซึ่งมีจำนวนมาก และสิ่งที่ทำให้เราเดินหน้าไม่ค่อยสะดวกนักคือ ปัญหาหมักหมมเก่าๆ มานาน ไม่รู้เก็บไว้ทำไม ต้องแก้รวมทั้งต้องเดินหน้าด้วย แต่พอเดินหน้าเจอการสกัดกั้นอีกไม่รู้จะไปอย่างไร แต่ไปได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงวันนี้พอใจกับสิ่งที่ทำมาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า พอใจ แต่อยากให้ทุกคนพอใจด้วยว่าสิ่งที่เราทำมานั้นทำทุกมิติ เรื่องเศรษฐกิจวันนี้พยายามอธิบายอยู่ว่าตัวเลขต่างๆ ที่ประเมินมาถือว่าใช้ได้ เอาไว้เป็นบรรทัดฐาน แต่อยู่ที่ว่าเราจะรวมพลังกันอย่างไรที่จะต่อสู้กับภัยทางด้านเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จะสร้างภูมิคุ้มกันอย่างไร อยู่อย่างพอเพียงดีหรือไม่ รัฐบาลพยายามอัดฉีดเงินลงไป แต่ยังมีข่าวโกงกันอีก ต้องไม่ให้เกิดเรื่องเหล่านี้ ในเมื่อเราพยายามดูแลขนาดนี้แล้ว แต่ยังมีเรื่องตรงนั้นตรงนี้ ฟ้องกันไปมา อีกหน่อยไม่ต้องทำอะไร รัฐบาลไม่กล้าปล่อยเงินออกไป เศรษฐกิจของประเทศก็เดินไม่ได้
เมื่อถามว่า ทางด้านเศรษฐกิจมีการรายงานหรือไม่ว่าปีหน้าเศรษฐกิจประเทศจะเป็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รายงานตลอด รัฐบาลห่วงเพราะเศรษฐกิจโลกตก กำลังซื้อจากต่างชาติลดลง หลายประเทศเจอปัญหาเหมือนกัน แต่เรามีการเตรียมแผนรองรับไว้แล้ว โดยแผนดังกล่าวนี้ไม่ใช่ว่าจะทำได้ 2-3 วัน หรือปีหนึ่งจะสำเร็จต้องใช้เวลา และที่ผ่านมาเราไม่ได้สร้างความเข้มแข็งให้กับภาคส่งออก ซึ่งตนไม่ได้โทษใคร ทุกประเทศมีปัญหาหมดไม่ใช่เฉพาะเรา ต้องอดทนกัน ต่อข้อถามว่า 5 เดือนที่ผ่านมา มีอะไรที่ยังไม่พอใจบ้าง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ด้วยเวลาที่มีอยู่ค่อนข้างจำกัด ตอนนี้เราพยายามติดตามทุกเรื่อง ทุกงาน รัฐมนตรีทุกคนตื่นตัวมากทำงานกันแบบบูรณาการทุกกระทรวง ไม่ใช่งานใครก็งานใคร