xs
xsm
sm
md
lg

ส.สัตว์ปีกเตรียมยื่นหนังสือค้าน (ร่าง) พ.ร.บ.ควบคุมการฆ่าสัตว์ต่อนายกฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - 9 สมาคมผู้ผลิตสัตว์ปีกหวั่น (ร่าง) พ.ร.บ.ควบคุมการฆ่าสัตว์ เรียกเก็บค่าอากร-ค่าธรรมเนียมจะส่งผลให้เกิดการลักลอบนำสัตว์ปีกไปชำแหละนอกโรงฆ่าสัตว์เพื่อเลี่ยงอากร จนทำผู้บริโภคเสี่ยงรับเนื้อสัตว์ไม่ปลอดภัย และราคาสูง เตรียมยื่นหนังสือคัดค้านถึงนายกรัฐมนตรี

นางฉวีวรรณ คำภา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยถึงกรณีที่ภาครัฐกำลังผลักดัน (ร่าง) พ.ร.บ.ควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ว่า ขณะนี้ 9 สมาคมผู้ผลิตสัตว์ปีกประกอบด้วย สมาคมผู้เลี้ยงไก่เนื้อ, สมาคมผู้เลี้ยงไก่เพื่อการส่งออก, สมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อการส่งออก, สมาคมผู้เลี้ยงเป็ดเพื่อการค้าและการส่งออก, สมาคมสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสัตว์ปีก, สมาคมสัตวบาลแห่งประเทศไทย, สมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย, สมาคมผู้เลี้ยงไก่พันธุ์และสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย ได้เตรียมที่จะยื่นหนังสือคัดค้าน พ.ร.บ.ดังกล่าวต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องจากพบว่าหากมีการประกาศใช้ (ร่าง) พ.ร.บ.ดังกล่าวจริงจะทำให้เกิดปัญหา

โดยเฉพาะการกำหนดให้เก็บอากรการฆ่า และค่าธรรมเนียมการรับรองให้จำหน่ายเนื้อไก่ เป็ด ห่าน จะส่งผลให้เกิดการหลีกเลี่ยงไม่แจ้งการเคลื่อนย้ายสัตว์ปีกอย่างถูกต้อง และลักลอบนำสัตว์ปีกไปชำแหละนอกโรงฆ่าสัตว์ซึ่งจะส่งผลเสียต่อภาคอุตสาหกรรมสัตว์ปีกทั้งระบบ กล่าวคื ทำให้ระบบการควบคุมโรคระบาดในสัตว์ปีกของไทยเป็นไปอย่างไร้ประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันโรคไข้หวัดนก และผู้บริโภค ยังต้องแบกรับความเสี่ยงต่อการบริโภคเนื้อสัตว์ที่ไม่ปลอดภัย และมีราคาสูง

ที่สำคัญการเรียกเก็บอากรดังกล่าวขัดต่อเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ที่ต้องการยกระดับมาตรฐานการฆ่าสัตว์ให้เป็นสากล และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคในสัตว์โดยสิ้นเชิง ตลอดจนยังไม่สอดคล้องต่อนโยบายของภาครัฐที่ต้องการลดค่าครองชีพให้ประชาชน รวมถึงลดต้นทุนการผลิตเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันแก่สินค้าเกษตรของไทย

“ทั้งนี้ ที่ผ่านมาภาครัฐให้ความสำคัญต่ออุตสาหกรรมการผลิตเนื้อสัตว์ปีกเพื่อการส่งออก จึงไม่มีการเก็บอากรการฆ่า และค่าธรรมเนียมจำหน่ายเนื้อสัตว์ปีก ส่งผลให้อุตสาหกรรมสัตว์ปีกของไทยสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก นำเงินตราเข้าประเทศได้ปีละเกือบ 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งหาก (ร่าง) พ.ร.บ.พ ดังกล่าวออกมาบังคับใช้จริงจะกลายเป็นอุปสรรคสำคัญของภาคส่งออก และลดศักยภาพในการแข่งขันของไทยลงทันที เนื่องจากปัจจุบันต้นทุนการผลิตของไทยสูงกว่าบราซิล และสหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว” นางฉวีวรรณ กล่าว

ขณะที่ นายวีระพงษ์ ปัญจวัฒนกุล นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่เนื้อ ระบุว่า การเรียกเก็บอากรและค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นการซ้ำเติมเกษตรกรให้ต้องมีภาระต้นทุนที่สูงขึ้น และเมื่อเกิดภาวะราคาเนื้อสัตว์ตกต่ำ เกษตรกรก็จะประสบภาวะขาดทุนมากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งปัจจุบัน เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ก็ประสบปัญหาราคาเนื้อไก่ตกต่ำมาตั้งแต่ปีก่อน จนปัจจุบันราคาก็ยังไม่ขยับขึ้น ขณะที่วัตถุดิบเลี้ยงไก่จำพวกข้าวโพดก็มีราคาแพง ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ได้ความร่วมมือต่อภาครัฐในเรื่องการแจ้งนำสัตว์ปีกเข้าโรงฆ่าทุกครั้งโดยไม่มีการหลบเลี่ยง

แต่หากมีการเก็บค่าอากรค่าธรรมเนียม ก็เกรงว่าอาจมีการหลบเลี่ยงไม่แจ้งการเคลื่อนย้าย และเกิดโรคหวัดนกขึ้น และจะส่งผลเสียร้ายแรงเป็นอย่างมาก

เช่นเดียวกับ นายสุเทพ วงศ์รื่น นายกสมาคมสัตวบาลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กล่าวว่า มีข้อสงสัยเกี่ยวกับตารางแนบท้าย (ร่าง) พ.ร.บ.ที่มีการกำหนดค่าอากรไก่ไว้สูงมากถึง 2 บาทต่อตัว และหากคำนวณจากราคาไก่ที่ 90 บาทต่อตัว ก็เท่ากับผู้ประกอบการจะต้องเสียอากรสูงถึงร้อยละ 2.22 ของมูลค่า ขณะที่เมื่อเทียบกับโค ที่มีมูลค่าถึงตัวละ 5 หมื่นบาท กลับตั้งอากรไว้ที่ 20 บาทต่อตัว คิดเป็นร้อยละ 0.04 ของมูลค่า

หรือสุกรตัวละ 7,500 บาท ตั้งอากรไว้ที่ 15 บาทต่อตัว คิดเป็นร้อยละ 0.2 จึงไม่ทราบว่าใช้หลักเกณฑ์อันใดมากำหนดการตั้งอากรสำหรับไก่ที่สูง และหากมีการประกาศใช้จริงย่อมเกิดผลกระทบตามมามากมายอย่างแน่นอน

กำลังโหลดความคิดเห็น