xs
xsm
sm
md
lg

GOLD ยันซื้อ KLAND หนุนโตก้าวกระโดด ตั้งเป้ายอดขายทะลุ 3 หมื่นล้านใน 4 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แสนผิน สุขี (ซ้ายมือ) ธนพล ศิริธนชัย (ขวามือ)
GOLD มั่นใจซื้อ KLAND หนุนบริษัทโตก้าวกระโดด ตั้งเป้า 4 ปี ยอดขายทะลุ 3 หมื่นล้าน ติด 1 ใน 5 ผู้นำอสังหาฯ ไทย ปี 58 ตั้งเป้าเปิด 13 โครงการ มูลค่า 1.2 หมื่นล้าน รายได้ 8 พันล้านบาท เชื่ออสังหาฯ ปี 58 โต 2-3%

นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GOLD เปิดเผยว่า ภายหลังเข้าถือหุ้น 100% ของบริษัท กรุงเทพบ้านและที่ดิน จำกัด (มหาชน) หรือ เคแลนด์ เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบันทรัพย์สินของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 20,774 ล้านบาท จาก 12,580 ล้านบาท ในปี 2557 ซึ่งจะทำให้พอร์ตการพัฒนาโครงการบ้านแนวราบเพิ่มขึ้นเป็นก้าวกระโดด โดยบริษัทตั้งเป้าการเติบโตสู่การเป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ 5 อันดับแรกของประเทศ ภายในปี 2561 และคาดการณ์ว่าบริษัทจะมียอดขายรวมประมาณกว่า 30,000 ล้านบาท ภายใน 4 ปีข้างหน้า

สำหรับทิศทางการลงทุนบริษัทจะยังคงเน้นไปที่การพัฒนาโครงการบ้านแนวราบ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าเช่นเดิม โดยสัดส่วนรายได้จากการขาย และรายได้จากการเช่าในอีก 4 ปีข้างหน้าจะเป็น 60:40 จากปัจจุบัน 80:20 ส่วนระดับราคาบ้านที่บริษัทพัฒนาจะครอบคลุมกลุ่มบ้านราคาตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป จนถึงมากกว่า 20 ล้านบาท โดยเคแลนด์ จะพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์เดิม

ปี 58 บริษัทตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 13 โครงการ มูลค่า 12,280 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 5 โครงการ ในจำนวนนี้เป็นของเคแลนด์ 2 โครงการ และทาวน์เฮาส์ 8 โครงการ โดยตั้งเป้ายอดขายในปี 2558 มีรายได้ 8,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากกการขาย 7,280 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากการเช่า หรือมีการเติบโต 111% จากในปี 57 ที่มีรายได้ 3,800 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทยังคาดว่าจะสามารถขายทรัพย์สินที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักในปีนี้ ได้แก่ สนามกอล์ฟ และที่ดินเปล่าติดทะเล จ.กระบี่ มูลค่ารวม 900 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างยื่นไฟลิ่งจัดตั้งกอง REIT มูลค่า 10,000 ล้านบาท ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่มีทรัพย์สินโครงการสารทรสแควร์ และอาคารปาร์คเวนเจอร์ คาดว่าจะสามารถขายกอง REIT ได้ในช่วงไตรมาส 2 ซึ่งเม็ดเงินที่ระดมได้ จำนวน 3,000 ล้านบาท จะเข้าไปถือในกอง REIT 30% และอีก 3,000 ล้านบาท นำไปชำระหนี้ธนาคารกรุงไทย ที่กู้ยืมมาซื้อเคแลนด์ และที่เหลือให้เป็นเงินทุนหมุนเวียน การจัดตั้งกอง REIT จะทำให้ระดับหนี้สินต่อทุนของบริษัทปรับลดลงต่อกว่า 1 เท่า จากที่ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.3 เท่า

“การที่บริษัทเข้าซื้อหุ้นจากเคแลนด์เพิ่มจนกลายเป็นผู้ถือหุ้นทั้ง 100% เนื่องจากเห็นศักยภาพของเคแลนด์ ที่มีทรัพย์สินที่เป็นที่ดินรอการพัฒนามูลค่ารวมกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท รวมถึงสินค้ารอขายมูลรวมกว่า 3,000 สินค้า ซึ่งนับวันทรัพย์สินที่เป็นที่ดินจะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ สินค้าที่เคแลนด์พัฒนาอยู่เป็นสินค้าระดับบนซึ่งไม่ทับซ้อนกับสินค้าที่บริษัทพัฒนา ซึ่งการซื้อเคแลนด์ จะทำให้บริษัทมีสินค้ากลุ่มบ้านแนวราบครอบคลุมมากยิ่งขึ้น” นายธนพล กล่าว

คาดอสังหาฯ 58 โต 2-3%

ด้านนายแสนผิน สุขี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเด้นแลนด์ เรสซิเด้นส์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า คาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะเติบโตได้ประมาณ 2-3% จากปี 57 ที่โตติดลบ ซึ่งปัจจัยบวกมาจากการลงทุนโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานของภาครัฐเพื่อรองรับการเปิดประชาคมอาเซียน หรือ AEC ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชนตามมา นอกจากนี้ ยังคาดว่าในปีนี้การส่งออกจะเติบโตขึ้น ราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้ราคาวัสดุก่อสร้างบางประเภทปรับราคาลดลงได้

อย่างไรก็ตาม ยังปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคได้ ซึ่งที่ผ่านมา ยอดปฏิเสธสินเชื่อของธนาคารยังปรับเพิ่มขึ้นจาก 20% เป็น 30% ในปัจจุบัน นอกจากนี้ ปัญหาการเมืองยังคงต้องจับตามองตาว่า จะสงบเรียบร้อย หรือคุกรุ่นขึ้นมาซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคได้ รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นในช่วงกลางปีนี้

สำหรับภาพรวมตลาดกลุ่มไฮเอนด์มีแนวโน้มในการต้องการสินเชื่อน้อยกว่าผู้ทีมีฐานะทางการเงินระดับกลาง แม้จะมีอัตราดอกเบี้ยที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตก็จะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของตลาดกลุ่มนี้น้อยกว่า เนื่องจากใช้เงินสดในการซื้อเป็นส่วนใหญ่

“หลังจากได้ควบรวมเคแลนด์เข้ามาแล้ว จะทำให้บริษัทมีสินค้าที่ตอบสนองได้ครบทุกกลุ่มในตลาดตั้งแต่ระดับกลาง-ไฮเอนด์ ที่มีระดับราคาตั้งแต่ 2-20 ล้านบาทขึ้นไป การควบรวมกับเคแลนด์นั้นมีข้อดีในการพัฒนาโครงการ ได้แก่ 1.เป็นการเพิ่มเซกเมนต์ใหม่ที่ประหยัดงบประมาณเพื่อสร้างแบรนด์ เนื่องจากโครงการของเคแลนด์เป็นที่รู้จักในท้องตลาด 2.ทุ่นเวลาในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลเพื่อให้ทันต่อโอกาสในการพัฒนาโครงการในภาวะตลาดปัจจุบันซึ่งการควบรวมนี้จะทำให้บริษัทมีทีมงานที่มีศักยภาพพร้อมเข้าทำงานในทันที 3.บริษัทจะมีสินค้าตอบโจทย์ทุกตลาดที่นอกจากจะรองรับการเติบโตก้าวกระโดด ยังช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจผันผวนจากปัจจัยภายนอกได้อีกด้วย” นายแสนผิน กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น